ตลาดคริปโทฯ กำลังเป็นไปได้สวยก็ทำให้เกมเมอร์ต้องทนทุกข์ไปอีกหลายเดือน หลังจากผมได้ตัดสินใจว่าจะซื้อ PlayStation 5 ก็ได้เห็นข่าวเกี่ยวกับการจองเครื่องที่ถือว่าลากเลือดกันมาตั้งแต่การเปิดจองรอบแรก

นี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ

ด้วยสถานการณ์ที่เหรียญบิทคอยน์-อีเธอร์เรียม หรือที่เรียก ๆ กันเสียส่วนใหญ่ว่าตลาดคริปโทฯ กำลังเป็นไปได้สวย แม้ว่าจะมีราคาขึ้นบ้าง-ลงบ้างแต่ก็ยังถือว่าเป็นตลาดที่ร้อนแรงและขึ้นราคากันเป็นหลักสองหน่วย ก็เป็นดั่งชนวนให้กับคนที่ไม่เกี่ยวข้องไปด้วยอย่างพวกเกมเมอร์ที่ต้องการเสาะหาการ์ดจอรุ่นใหม่ที่เร็วกว่า-แรงกว่า ต้องทนทุกข์ไปอีกหลายเดือน

สถานการณ์โรคระบาดที่ทำให้ชิปนั้นยิ่งขาดแคลนเข้าไปอีก ถาโถมเข้ามาอีกหนึ่งระรอกก็คือช่วงเวลาเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้แล้วของคอมพิวเตอร์ตัวเก่งของผมเอง ในระดับที่ตอนนี้เล่นเกมใหม่ที่มีกราฟฟิกสูงไม่ได้อีกแล้ว แต่ท้ายที่สุดผมเองก็ไม่สามารถหาซื้ออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ได้

ทำให้ผมต้องตัดสินใจเปลี่ยนใหม่มาเป็น ‘ตั้งใจ’ ที่จะซื้อ PlayStation 5 ที่ตลาดตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ที่หายากและราคาแพง รู้ทั้งรู้ว่ามีพ่อค้า – แม่ค้าทั้งหลายกักตุนสินค้าเพื่อขายต่อในราคาเกือบสองเท่าเป็นจำนวนมากก็ตาม แต่ก็เป็นอุปกรณ์เดียวที่ผมมี ‘ความเป็นไปได้’ ที่จะซื้อมันด้วยราคาปกติ ความหวังเดียวเท่านั้น!

หลังจากผมได้ตัดสินใจว่าจะซื้อ PlayStation 5 ก็ได้เห็นข่าวเกี่ยวกับการจองเครื่องที่ถือว่าลากเลือดกันมาตั้งแต่การเปิดจองรอบแรก หรือก็คือประมาณเดือนกุมภาพันธ์​ มาจนถึงครั้งนี้ที่เป็นการจองเครื่องศูนย์โซนี่ประเทศไทยรอบที่ 4 และรอบก่อนหน้านี้ทั้งหมด ของก็จะไม่มีขาย ‘สินค้าหมดทันที’ เมื่อมีการเปิดระบบให้ซื้อในเวลา 11 นาฬิกาทุกศุกร์ที่สามของทุกเดือน

ตอนแรกคิดว่าคงจะหมดหวังแล้วกับการจองครั้งนี้ (และครั้งหน้า และครั้งหน้าหน้า)​ แล้วต้องมานั่งไม่มีอะไรเล่นจนจะหาซื้อการ์ดจอราคาแพงให้ได้ จึงได้ตัดสินใจครั้งแรกว่าอยากที่จะได้การ์ดจอแทนเครื่องเพลย์เพราะด้วยเหตุนี้ รวมไปถึงว่าผมเองก็ไม่เคยที่จะสำผัสเครื่องคอนโซลที่เป็นเหมือนเครื่องเล่นที่เอาไว้แค่เล่นโดยเฉพาะ เอาไปตัดต่อวิดีโอหรือเล่นเกมราคาถูกไม่ได้

เมื่ออกหักแล้วต้องอกหักซ้ำสอง (และสาม…และสี่…)

จากที่ได้พูดไป ผมก็ได้ไปที่งานคอมมาร์ทที่จัดขึ้นต้นเดือนเมษายน และก็ผลปรากฏว่าที่บ้านไม่ว่างไปรับส่ง และยังอยากที่จะให้ผมไปเป็นคนดูแลคนในบ้านที่ต้องไปตรวจสุขภาพในวันเดียวกัน ทำให้ผมเองต้องตัดสินใจที่จะไปแม้ว่าจะรู้ทั้งรู้ว่าถ้าไปแล้วก็จะไม่ได้ซื้อการ์ดจออีกเลย

เมื่อว่างที่จะไปงานคอมมาร์ทแล้วก็ได้ทราบข่าวจากทางคนในเฟสบุ้คว่าการ์ดจอราคาปกติได้หมดลงตั้งแต่ชั่วโมงแรกของวันเปิดงาน (เมื่อวาน)​ แล้ว ที่มีอยู่ในเวลานี้คือการ์ดจอราคาแพงและเป็นรุ่นที่แม้จะเป็นคนเล่นเกมก็ไม่อยากจะซื้อเลยทีเดียวเชียว แต่ก็ได้ตัดสินใจไว้แล้วว่าจะไปงานแม้ว่าจะกลับบ้านมามือเปล่า พร้อมกับความเศร้าที่ต้องทนเล่นคอมพิวเตอร์เก่า ๆ ไปอีก 1-2 ปี

ถึงจนได้กับงานคอมมาร์ท หลังจากที่ได้วางแผนมาว่าถ้าอยากจะซื้อเครื่องคอมที่มีการ์ดจอราคาเอื้อมถึงได้ก็ต้องเป็นคอมประกอบสำเร็จ (มีทีมงานของร้านค้าประกอบไว้แล้ว) แต่เมื่อไปถึงบูทของร้านดัง ๆ ก็เห็นแต่คำว่าหมดแล้วและซุ้มการซื้อคอมที่เงียบเหงาเป็นปกติ

เดินไปซักพักหนึ่งก็เห็นคนหลายคนกำลังหิ้วตะกร้าที่มีการ์ดจอรุ่นอย่าง 3060 หรือ 3070 แต่ก็ไปเพื่อชำระเงินเท่านั้น ก็แสดงได้ว่าราคาที่ตั้งในเวลาปัจจุบันนั้นเอื้อมถึงได้ ไม่ได้แพงโขอะไรขนาดนั้น ซึ่งผมเองก็ไปถามพนักงานที่มีหน้าที่จัดสเป็คคอมว่ามีเงื่อนไขอะไรในการซื้อการ์ดจอ โดยก็ได้คำตอบมาว่า ‘เครื่องต้องทำงานได้’ ซึ่งผมเองก็คิดว่าต้องมี CPU อยู่แล้วแหละที่ต้องซื้อพร้อมกับการ์ดจอ

“โอเค” บอกกับพนักงานไปว่าให้จัดเซ็ทคอมพิวเตอร์มาให้หน่อย แต่คำถามแรกของเขาที่ถามผมมานั่นก็คือ ‘มีงบเท่าไหร่’ โดยผมเองที่เคยซื้อคอมพิวเตอร์มาสี่ปีที่แล้วก็ตอบไปว่า “มีอยู่ 40,000 ครับ” โดยพี่เค้าก็ได้หยิบเอาการ์ดจอ NVIDIA 3060 ที่ไม่รู้ยี่ห้ออะไร แต่ที่ผมเห็นนั่นก็คือ VRAM ที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน 2GB นั้น เลยบอกว่าอยากได้ VRAM เยอะเท่า 3070 อ่ะครับแต่ไม่ต้องเป็น 3070 ก็ได้ รู้ไหมว่าเขาตอบผมกลับมาว่าอย่างไร เขาตอบกลับมาว่า ‘ไม่มีครับ มีแต่ 3070 เลยจะเอาไหม’ ผมก็ได้แต่ถามต่อไปว่าราคาเท่าไหร่ เขาก็ได้ตอบผมกลับมา ที่ทำให้ผมนั้นไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีอย่าง “คิดว่า CPU ที่หยิบให้ก็จะไม่เหมาะกับ 3070 ดังนั้นก็จะประมาณ 60,000 ครับ” ผมนี่แบบ เห้ย ราคาแบบนี้ในเวลาปกตินี่คือได้แบบ 3080 เลยด้วยซ้ำ เหมือนเขาจะเพิ่มราคาอีกหมึ่นเต็ม ๆ เพียงแค่ว่าผมซื้อในเวลาที่ของขาดแบบนี้

มันเกินไปมากสำหรับผม จริง ๆ นะ เพราะเราเองก็ไม่คิดว่ามันจะแพงและโก่งได้มากขนาดนี้ โดยเฉพาะว่าร้านค้าพวกนี้ก็เป็นร้านที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการขายคอมพิวเตอร์ แต่ก็ไม่เคยได้คิดได้ฝันว่าจะแพงได้เท่านี้มาก่อน สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนั้นคือให้เขาประมาณราคาออกมาว่าเขาจะจัดคอมพิวเตอร์อะไรมาให้ผม ผ่านไปซักประมาณ​ 3 นาที พนักงานฯ ก็ได้เขียนสเป็คที่เขาจะจัดให้ผมใส่กระดาษ เราก็ได้แค่ขอบคุณและก็ต้องเดินจากไปมือเปล่าพร้อมกับสเป็คคอมพิวเตอร์ราคามหาโหดที่สุดในชีวิต สุดท้ายแล้วก็ต้องกลับมาบ้านเพื่อมาเล่าให้คนที่บ้านฟัง เขาเองก็น่าจะไม่เข้าใจอะไรหรอกครับ ว่าไปงานอะไรกันถึงกลับบ้านมาหัวร้อนขนาดนี้

เปลี่ยนยุทธ์วิธี แบบวินาทีสุดท้าย

เมื่อเส้นทางการซื้อการ์ดจอและคอมพิวเตอร์ใหม่นั้นหมดลง ก็เหลือเพียงวิธีเดียวเท่านั้นแหละครับที่จะทำให้ผมเล่นเกมใหม่ ๆ ได้นั่นก็คือต้องซื้อ PlayStation 5 ในราคาปกติให้ได้แม้ว่าจะต้องทนกดไม่ผ่านก่ีครั้งก็ตามก็จะต้องกดซื้อให้ได้

โดยปกติแล้วทางเพจร้านค้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่อง PlayStation ที่ได้รับการการันตีจากทาง Sony จะมีการประกาศว่าภายในอีกไม่กี่วันจะมีการเปิดให้จอง PlayStation กันอีกรอบ พร้อมกับเงื่อนไขแสนประหลาด (แต่บางอันก็ฟังดูสมเหตุสมผลกันอยู่นะ)​ ที่แต่ละร้านค้าจะออกมาเพื่อแก้เกมพวกซื้อไปขายต่ออย่างพวกพ่อค้าแม่ค้ามือสอง

เมื่อถึงวันจันทร์สัปดาห์ที่สามของเดือน ร้านค้าก็ออกมาโพสท์ข้อความและวิธีการจองตามคาด แต่ครั้งนี้แปลกกว่าสามครั้งก่อนนิดหน่อย เพราะว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บังคับให้ผู้ซื้อสั่งจองคอนโทรเลอร์ DualSense ของ PlayStation 5 เพิ่มอย่างน้อยหนึ่งอันด้วย แต่โดยผมเองก็มองว่า อันนึงชาร์จอยู่อีกอันนึงก็ใช้งาน ไม่เห็นจะเป็นอะไรหรอก แต่สำหรับคนที่เอาไปขายต่อนั้นแต้มต่อก็ถือว่าลดลงไปมากเลยครับเพราะว่าเขาต้องบังคับให้คนที่จะซื้อจากเขาต่อซื้อคอนโทรเลอร์ไปด้วย ทำให้ราคาจขายต่อก็จะสูงกว่าคนที่โก่งราคาอยู่ก่อนหน้าไปอีกประมาณ​สองพันกว่าบาท

แต่นอกจากเงื่อนไขที่พอเข้าใจได้อย่าง ‘ห้ามจองด้วยที่อยู่ซ้ำ ห้ามจองด้วยบัญชีซ้ำ’ ก็พอที่จะแก้ขัดไปได้บ้าง รวมไปถึงการบังคับซื้อคอนโทรเลอร์​ DualSense ที่ได้กล่าวไปแล้ว อีกข้อหนึ่งที่ผมยังคาใจอยู่เลยนั่นก็คือ “แล้ววิธีการจองเป็นยังไง” เป็นเหมือนร้านค้าแล้วก็ไปซื้อให้ทันเหรอ? ต้องเตรียมอะไรบ้างเพื่อให้จองทัน

วันพฤหัสบดีที่เต็มไปด้วยหน้าข่าวเรื่องของการจองเครื่อง PlayStation ที่ไม่ทันไรก็เต็มเฟซบุ๊กของผมหมดแล้วก็ได้บอกในรายละเอียดอย่างคร่าว ๆ ว่าร้าน xxxxx จะมีการเปิดจองในวันพรุ่งนี้ (วันศุกร์) เวลา 11:00 ตรง โดยร้านค้าอื่นที่เปิดให้ผู้เล่นจองเหมือนกันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันเลย มีเพียงการแจ้งว่าพรุ่งนี้จะมีการเปิดจอง

การเตรียมตัวเพื่อจอง PlayStation 5 ให้ทัน

ด้วยโชค (หรือเปล่าก็ไม่รู้)​ ที่ผมได้ไปเห็นในกลุ่มของผู้ใช้งาน PlayStation 5 ที่เหมือนจะเป็นเพจ ‘คนบ่นจองไม่ได้’ ไปเรื่อย ๆ แล้ว ว่าเมื่อร้านค้าเปิดจองเราจะต้องเตรียมตัวที่จะทำอะไร และมีทริกในการจองเป็นอย่างไร โดยสิ่งที่ผมพอที่จะทำได้จากคำแนะนำนี้ก็คือ

  1. ก่อนวันจอง
    • ก่อนถึงวันที่ให้จอง ให้ทำการสมัครบัญชีผู้ใช้งานให้เสร็จสรรพ
    • ใส่ที่อยู่สำหรับการจัดส่งรอไว้เลย
    • (ผมเองไม่แนะนำ)​ ให้ร้านค้านั้นจดจำวิธีการชำระเงินอย่างเช่นบัตรเครดิตไว้อย่างน้อย 1-2 ใบ เผื่อระบบล่มหรือไม่สามารถตัดบัตรใดบัตรหนึ่งได้ก็จะเปลี่ยนวิธีการชำระเงินทัน
    • รู้ว่าจะต้องใช้ URL ไหนในการเข้าไปจอง โดยมักจะเป็นลิงก์เดิมจากการจองในครั้งที่ผ่านมา
  2. ก่อนเวลาจอง
    • เข้าเว็บไซต์หน้าร้านก่อนเวลา
    • เข้าเว็บไซต์หน้าร้านหลาย ๆ ร้านไปเลย เปิดเป็นแท็บหรือวิธีใดที่สามารถกดรีเฟรชหน้าจอได้สะดวกที่สุด
    • (ผมคิดเอง​)​ ติดตามข่าวสารว่ามีคนจองเว็บไหนแล้วยังจองได้อยู่ หรือ ร้านไหนหน้าร้านล่มไปแล้ว
  3. เมื่อถึงเวลาจอง
    • กดให้ทัน กดให้ถูกต้องว่าต้องซื้อรุ่นไหน ใส่ตะกร้า
    • ร้านไหนกดใส่ตะกร้าไม่ได้หรือไล่ผู้ใช้ออกไปยังหน้าอื่นก็ให้อดทน และกดรีเฟรชหน้าจอไปเรื่อย ๆ
    • ทำขั้นตอนข้างต้นกับหน้าร้านอื่นไปด้วยพร้อม ๆ กัน
    • หากร้านไหนกดใส่ตะกร้าแล้วก็ให้กดชำระเงินต่อไป และให้คิดเผื่อไว้เลยว่าอาจจะล่มตอนไหนก็ได้
    • ถ้าร้านไหนกดชำระแล้ว ขึ้นว่าชำระเงินแล้วก็ยินดีด้วยครับ ได้ของแน่นอน (หากไม่ผิดเงื่อนไขอะไรนะ)​

ซึ่งจากที่ผมอ่านมาก็ถือว่าเป็นคำแนะนำที่ละเอียดมากเลยทีเดียว อ่านแล้วเหมือนขั้นตอนที่คนที่เขาจองได้จริง ๆ ได้เอา ‘Practice’ ที่เขาได้ทำและประสบความสำเร็จมาแชร์ให้เราทำตาม ผมเองเมื่ออ่านแล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องไปทำตามเพราะเป็นเหมือนเรื่องที่คาดถึงได้ไม่ยาก

อ่านไปอ่านมา… ต้องเตรียมเยอะขนาดนั้นจริงเหรอเนี่ย?!

เป็นคำถามที่ผมเองก็หาคำตอบไม่ได้เหมือนกันว่าการที่จะต้องมาเตรียมขนาดนี้เพื่อจะ ‘แย่ง’ จับจองแค่เครื่องเกมต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ ทั้งการเตรียมการซื้อไว้ล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งวัน และอารมณ์ที่ต้องนิ่งจริงถึงจะได้มีโอกาสเป็นหนึ่งในผู้จับจอง แต่ผมเองก็คิดอย่างเดียวว่าคงเป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะเอาเครื่องที่เราอยากซื้อมาวางไว้ติดทีวีที่บ้านตัวเอง

หลังจากอ่านแล้วก็ทำเลยครับ เข้าไปหน้าร้านต่าง ๆ ทั้ง Sony ไทย, Banana IT, Powerbuy และจริง ๆ จะต้องไปดูอีกหลายร้านมากกว่านี้ แต่ผมก็คิดว่าร้านพวกนั้นอาจจะไม่ได้มีโอกาสที่ได้จองหรอก หรือไม่ก็คงหมดช้ากว่าร้านหลัก (คิดเอาเอง) ทั้งหมด 3 ร้าน แต่ทั้งสามร้านนั้นผมเองก็เคยเป็นลูกค้าในสินค้า IT อยู่แล้ว (ยกเว้น Sony ไทย) เลยไม่ต้องกรอกอะไรมากมาย เพียงแต่ว่าผมเองได้ทำการจดบ้านเลขที่และข้อมูลไว้ใน Notepad ไว้ล่วงหน้ากันเหนียวไว้เท่านั้น

วันเวลามาบรรจบถึง

แล้ววันนั้นที่ผมเตรียมตัวมาก็มาถึง ผมเองก็ตื่นเต้นเอามากว่าจะต้องไปแข่งกับคนอื่นเพื่อจะจองเครื่องแล้ว แถมผมยังคุยเล่นกับเพื่อนว่าวันนี้ต้องจองให้ได้เลย ผมในแบบ “กลับบ้านมามือเปล่า” ไม่มีอยู่อย่างแน่นอน แต่เพื่อนผมเองก็ไม่จริงจังอะไรมากกับการจองของผมแถมจะเตรียมหาของคนอื่นมาขายผมด้วยซ้ำ แต่ผมก็ไม่เอาเพราะว่าต้องมีบวกราคาเข้าไปด้วยบ้างแหละ งานเหนื่อยยากขนาดนี้จะไม่ให้มีค่าขนมกับคนทำงานได้อย่างไรกัน

เวลาเข้าใกล้เข้าไปเรื่อย ๆ ทุกวินาที ผมเองก็ได้แต่รีเฟรชหน้าเพจเฟสบุ๊กอยู่ต่อเนื่องว่าแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง แต่สิ่งที่ผมเห็นมากที่สุดก็คือการเข้าไปก่อนแล้วก็เห็นสินค้านั้นอยู่บนร้านค้าเรียบร้อยแล้วแต่ไม่สามารถกดสั่งซื้อได้ คนที่กดสั่งซื้อได้ (ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับว่าเขาทำได้อย่างไร)​ ก็ได้รับข้อความว่าเช็คบิลแล้ว ตัดผ่านบัตรเครดิตแล้ว แต่สุดท้ายมีรายการยกเลิกและอีเมล์ที่เขียนว่ารายการสั่งซื้อได้ถูกยกเลิก ผมเองที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาก็ทำได้แต่ทำใจว่าจะไม่เกิดขึ้นกับคำสั่งซื้อของผมนะ

ติ้ง! 11 นาฬิกาตรงแล้วถึงเวลาในการจอง แต่ละคนในเพจก็ต่างกระเสือกกระสนและเริ่มด่าระบบว่าทำไมถึงล่มไปตั้งแต่ก่อนจะถึงเวลาสั่งซื้อเสียอีก หรือไม่ก็มาโพสท์ที่มีข้อสรุปว่า ‘ร้านค้านี้สินค้าหมดแล้ว’ ซึ่งผมเองก็เข้าไปเหมือนพวกเขา แล้วก็ไปล่มเหมือนกับพวกเขาเหมือนกัน

อาการเว็บล่มหลัก ๆ ก็อย่างเช่นหน้า (เว็บ) มึนงง วิงเวียน ปวดศีรษะ (ทำไมมันเหมือนจะเป็นอาการของคนหัวร้อนจองเครื่องไม่ได้อย่างนั้นนะ)​ อย่างหน้าที่ให้เปลี่ยนไปเช็คเอาวท์ก็หมุนล้อฟรีเลย พรุ่งนี้ก็คงไม่ไปไหนอย่างแน่นอนและดูท่าว่าจะจองไม่ได้เสียแล้ว แต่ที่ผมพูดถึงก็คือของโซนี่เท่านั้น ไม่ใช่ใครอีก

เออ ลองอีกครั้งกับร้านอื่นอย่าง Banana IT ที่หน้าแรกก็จะเอาไว้สำหรับการจองในครั้งนี้โดยเฉพาะ แต่สุดท้ายแล้วหน้าเว็บก็เขียนข้อความประมาณว่า สินค้าหมดแล้ว เช่นกันกับ Powerbuy ที่อาการณ์ก็เป็นเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าจะดีหน่อยเพราะครั้งนี้มีหลายร้านอยู่เหมือนกันที่ให้ผู้ซื้อสามารถลงชื่อเพื่อมาเป็น Waiting List ได้ แต่ก็มักจะถูกปิดไปแล้วเพราะมีคนลงชื่อเอาไว้เยอะเหมือนกัน

สุดท้ายแล้ว ผมช้าครับ เมื่อรู้ทุกอย่างว่าของหมดก็เกือบ 25 นาทีเข้าไปแล้ว การที่เราจะลองอีกครั้งหนึ่งเพื่อสิทธิ์ในการซื้อก็ริบหรี่เสียเหลือเกิน ตอนนั้นผมเองคิดว่าคงจะหมดหวังแล้วจริง ๆ กับการจอง พร้อมกับเพื่อน ๆ (หรือคู่แข่งกันนะ)​ ที่จองไม่ได้ในครั้งนี้เหมือนกันกับผม

แต่ผมเลือกที่จะไม่หยุดครับ เพราะคิดว่าเขาอาจจะให้ตัวเลือกในการลง Waiting List ในภายหลังนี้ และชื่อผมต้องอยู่หน้า ๆ เท่านั้นถึงจะมีโอกาสจับจองเครื่องเหมือนกับคนอื่นเขา แต่พอรีเฟรชไปเรื่อย ๆ และก็ลองจองแบบปกติไปกับเว็บที่เป็นไปได้และน่าจะได้ของมากที่สุดอย่าง Powerbuy ผมก็ได้ไปเจอว่ายังมีเครื่องโผล่ออกมาเป็นระรอก เลยไม่ต้องคิดอะไรมากและกดใส่ตะกร้าเลยครับ

วินาทีสุดท้ายก่อนวิกฤต

ถือเป็นช่วงเวลาหัวหลักหัวตอเลยก็ว่าได้ที่หากว่าอินเตอร์เน็ตที่บ้านไม่นิ่งพอ บัตรเครดิตถูกปฏิเสธการซื้อ ข้อมูลส่วนตัวไม่ถูกต้องก็อาจจะเป็นเหมือนการดับฝันที่ปีนี้ฉันต้องได้เล่นเกมกันเลยทีเดียว ถึงผลที่จะเกิดขึ้นของผมจะดูงี่เง่าในสายตาผู้อ่านก็ตามแต่มันเป็นเหมือนขวัญกำลังใจในการซื้อหรือจองรอบต่อไปมากจริง ๆ

และเมื่อ PlayStation 5 รุ่นซีดี หรือที่ขานนามกันว่าเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดนั้นไปอยู่บนตะกร้าแล้วก็ไม่ต้องอะไรมาก วิ่งสิเอ๋! กดเช็คเอาวท์ให้เร็วที่สุดที่จะเป็นได้ ทำอย่างไรก็ได้ให้เช็คเอาวท์ให้เร็วที่สุด ไม่รู้จะต้องกดดันขนาดไหนแล้ว!!! ต้องยอมรับเลยครับว่าตอนนั้นก็คือสีหน้าเคร่งเครียด ตาโฟกัสไปที่ปุ่มใหญ่ ๆ น่ากด ส่วนของรายละเอียดอย่างนั้นหรอ? ไม่ได้ดูอะไรแล้ว ทั้งข้อมูลส่วนตัวหรือเลขบัตรเครดิต (ที่ได้กรอกเอาไว้ล่วงหน้า) ก็ไม่ได้เช็ค แม้กระทั่งของที่อยู่ในตะกร้าก็ไม่ได้เช็ค คิดอย่างเดียวว่าต้องกดปุ่ม ‘ต่อไป’ ให้ได้เร็วที่สุดก่อนที่บางอย่างจะพังและก็ทำให้แผนการซื้อครั้งนี้พังไม่เป็นท่า

เข้ามาในหน้าจ่ายเงินแล้ว เขาก็ให้ทำการรอดำเนินการก็รอดำเนินการไปสิครับ แต่ที่เห็นคือมันหมุนช้า (ไม่ทันใจ) เสียเหลือเกิน คือทุกอย่างนั้นช้าไปหมดจนไม่รู้ว่าคือต้องยังไงต่อ รอรับคำสั่งซื้อไม่ไหวแล้วนะ แต่ก็ผ่านไปได้ดีครับ บัตรเครดิตขึ้นว่ามีการรูดบัตรจำนวนตรงกันกับราคา PlayStation โดย Powerbuy ไป และทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติครับ เออ! เสร็จเรียบร้อย จองเครื่องได้สำเร็จเรียบร้อยดี (มั้ง)​ และก็มีเวลาซักพักหนึ่งคิดถึงตอนนั้นที่เราหน้ามืดตามัวไปว่า เออ มันก็ไม่ได้ช้าหรือว่าเกิดปัญหาอะไรหนิแค่เน็ตเราช้าเท่านั้นเอง ทุกอย่างทำงานเร็วเหมือนปกติ

หน้ามืดตามัวเป็นเหตุอีกหรือเปล่า หลังจากการจองที่ “สำเร็จลุล่วงดี” นั้นผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่สิ่งที่ผมได้ก็คือเงินตัดแล้ว แต่รายละเอียดการจองหรือการจัดส่งนั้นก็ยังไม่ถูกส่งเข้ามาในอีเมล์ผมอยู่ดี ซึ่งผมเองคาดหวังว่าถ้าซื้ออะไรเขาก็ต้องส่งใบเสร็จหรือรายละเอียดในการจัดส่งมาให้ผมสิ แต่นี่คือไม่มีเลยครับ

พายุยังไม่สงบดี…

จากความลังเลเมื่อครู่ก็ทำให้ผมอดที่จะสงสัยไม่ไหวว่าตอนนี้คำสั่งซื้อของฉันมันไปถึงไหนกันแล้ว เลยก็ได้เข้าไปดูในหน้าคำสั่งซื้อบนเว็บไซต์มันก็คือขึ้นว่า ‘รอดำเนินการ’ มาตลอด โดยคาดหวังว่าค่าสถานะ ‘รอดำเนินการ’ จะเปลี่ยนไปเป็น ‘กำลังจัดส่ง’ ให้ได้เสียที เพราะ เมื่อไหร่ที่แอพฯ บัตรเครดิตแจ้งเตือนเรื่องชาร์จบัตรเต็มจำนวนแล้ว พวกร้านค้าออนไลน์อย่างช้อปปี้หรือลาซาด้าก็จะมีการเปลี่ยนค่าสถานะเสมอ แต่นี่ไม่เปลี่ยนครับผม!!

ผมไม่ทราบเหมือนกันนะครับว่าปกตินั้นเป็นอย่างไร แต่วันนี้ผมได้แต่ทำอย่างเดียวก็คือเมื่อถึงวันที่ 30 เค้าต้องโทรมาว่ากำลังไปจัดส่งสินค้าให้ โดยคนรับต้องเป็นผม ผมเท่านั้น

ก่อนเปิดกล่อง

ถึงแล้วกับวันนัดจัดส่งของ ซึ่งก็มีหลายคนที่จองจากร้านอื่นก็ทะยอยได้รับของและก็อวดลงเพจกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 8 โมงเช้าแต่นี่ก็คือยังขึ้นว่า “รอดำเนินการ” อยู่เลย และก็ยังไม่มีใครโทรมาบอกว่าให้ทำอย่างไรต่อ ผมเองที่คิดอะไรไม่ออกก็ทำได้อย่างเดียวคือเชื่อใจว่าที่เขาเอาเงินเราไปนั้นคือเค้าขายให้เราแล้ว ดังนั้นวันนี้ต้องได้ของ

และประมาณ 10 โมงก็มีของมาส่งครับโทรมาจากบริการจัดส่งซักแห่งหนึ่งซึ่งเหมือนจะมีข้อมูลมาในคำสั่งซื้อและการจัดส่งแล้วว่าเจ้านี้จะเอาของ (PlayStation 5) มาส่ง แต่เมื่อโทรแล้วก็คือบอกว่ารออยู่หน้าบ้านแล้ว เราเองที่รออยู่ตั้งนาน (หรือเปล่าวะ)​ ก็ไปรับของโดยของที่ได้รับนั้นก็คือเครื่องนั่นแหละครับ แต่มาด้วยกล่องขนาดใหญ่มากที่ใส่กล่องเครื่อง PlayStation ได้สองเครื่องพร้อมกับในเสร็จรับเงินที่ต้องมีเซ็นต์ชื่อรับของ หนำซำ้ด้วยน้ำหนักกล่อง (และของ) ที่เยอะอยู่พอตัวก็ทำให้ความคิดแรกที่ผุดออกมาจากหัวก็คือจะไปพี่เค้าไปว่าทำไมมันหนักจัง

ก่อนที่พี่พนักงานจะกลับก็ได้ขออนุญาติขอถ่ายรูปผมพร้อมกับกล่อง เหมือนเป็นการยืนยันว่าเขาได้ส่งสินค้าเรียบร้อยแล้วแต่เราก็ไม่ได้เตรียมตัวและใส่เสื้อเก่า ๆ อยู่เลยก็ต้องขอปฏิเสธไป พร้อมกับวางกล่องเอาไว้ตรงนั้นรอให้พี่พนักงานดำเนินการเรื่องให้เสร็จก่อนแล้วค่อยยกเข้าบ้านไป โดยพี่เขาก็ทำการถ่ายรูปด้วยกล้องโทรศัพท์นั่นแหละครับว่าเอาของมาส่งแล้วและก็กลับขึ้นรถไป

ส่วนผมเอง ได้เครื่องแล้ว!

สนับสนุนโดย

Share this post

About the author