หากคุณกำลังจะซื้อ Nintendo Switch ในช่วงนี้แต่พบเจอคำถามว่าจะซื้อรุ่นไหนดี แล้วรุ่นไหนจะเหมาะกับคุณมากที่สุด ในสตอรีนี้เราจะมาพาเจาะลึกว่า Nintendo Switch แต่ละรุ่นนั้นมีสเป็คอย่างไร และจะส่งผลอะไรกับการใช้งานประจำวันของคุณบ้าง
ตัวเลือกรุ่น Nintendo Swich
ในตอนนี้ ทาง Nintendo ได้ออกสินค้าอย่าง Nintendo Switch ออกมาให้ผู้เล่นเกมได้จับจองเป็นจำนวนทั้งหมด 3 โมเดลดังต่อไปนี้:
Nintendo Switch (รุ่นทั่วไป)
เป็นรุ่นปกติและรุ่นมาตรฐานของ Nintendo Switch เลยทีเดียวสำหรับรุ่น “Nintendo Switch” ที่ฟีเจอร์นั้นให้มาครบถ้วนและใช้งานฟีเจอร์ได้ทั้งหมดตามที่เครื่องคอนโซลพกพาได้อย่าง Nintendo Switch ทั่ว ๆ ไปควรมี
Nintendo Switch จึงเหมาะสมมากสำหรับผู้เล่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาสู่โลกการเล่นเครื่องเกม Nintendo Switch ที่คุณเองนั้นจะได้มีการเอาไปเล่นในหลายสถานที่ และยังสามารถเล่นเกมใหม่ที่ออกคู่กับพวก PlayStation หรือ Xbox ได้อีกด้วย (เฉพาะบางเกมเท่านั้น)
โดยในตอนนี้ Nintendo เองก็ได้ส่งสเปคใหม่ที่มาพร้อมกับการพัฒนาฮาร์ดแวร์อย่างหน่วยประมวลผล, แบตเตอรี่, หน้าจอ, ฯลฯ หรือที่เรียกกันว่า “Nintendo Switch กล่องแดง” หรือก็คือรุ่นใหม่ล่าสุดที่ใช้กล่องบรรจุเป็นสีแดง ส่วนรุ่นก่อนหน้านี้นั้นเรียกกว่า “Nintendo Switch กล่องขาว” ที่ใช้กล่องบรรจุเป็นสีขาว
ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ก็จะมีราคาที่ต่างกันออกไปแต่ก็ยังสามารถเล่นเกม Nintendo Switch ทั้งหมดได้อยู่เช่นเดียวกัน โดยรุ่นกล่องแดงในปัจจุบันมีราคาอยู่ระหว่าง 6,000 – 10,000 บาทเท่านั้น (แล้วแต่ช่วงเวลาการลดราคา)
Nintendo Switch OLED
รุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับทาง Nintendo อย่าง “Nintendo Switch OLED” ที่มีจุดเด่นของเวอร์ชันนี้เป็นหน้าจอแบบ OLED ที่จะให้ความดำที่ดำสนิท และเพิ่มความน่าหลงใหลให้กับการเล่นเกมแบบพกพาเป็นอย่างมากกับหน้าจอที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม และนอกจากนี้ก็มีการเพิ่มหัว Ethernet ให้กับที่เชื่อมต่อ Dock (ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีให้ใช้งานแต่ผู้เล่นหลายคนก็จะหาซื้อ Adapter สำหรับ Ethernet-USB ไปต่อเพื่อดาวน์โหลดเกมอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น) แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนขนาดบอดี้เครื่องเกมกับรุ่นทั่วไปแต่อย่างใด
และนอกจากนี้ก็ได้มีการปรับขาตั้งจอให้เป็นแบบบานพับขนาดเต็มจอ ซึ่งจะทำให้การวางในพื้นที่จำกัดนั้นเป็นไปได้ง่ายมากกว่ารุ่นก่อนหน้าที่มีแง่งเล็ก ๆ ออกมาเท่านั้น แต่ส่วนราคานั้นก็จะสูงกว่ารุ่นอื่น ๆ ประมาณ 3,000 – 7,000 บาท (แล้วแต่โมเดลและช่วงเวลาการลดราคา) แต่ถ้าหากว่าเล่นบ่อยจริงก็เรียกได้ว่าคุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอนครับ เหมือนทั้งหมดนี้เป็นการปรับคุณภาพชีวิต (QoL) ของลูกค้า Nintendo Switch รุ่นทั่วไปได้อย่างไม่ตกบกพร่อง
Nintendo Switch Lite
รุ่นน้องถูกออกแบบมาเพื่อการพกพาอย่างเต็มรูปแบบอย่าง “Nintendo Switch Lite” ที่มีการปรับสิ่งที่ไม่จำเป็นเกี่ยวกับเครื่องคอนโซลที่มักใช้เล่นบนทีวี อย่างเช่นการตัดอุปกรณ์ Dock และอุปกรณ์เสริมคอนโทรลเลอร์ทั้งหมดที่มักใช้เมื่อผู้เล่นเอาไปใช้กับทีวี หรือเรื่องของคอนโทรลเลอร์ (Joy-Con) ที่ไม่สามารถถอดออกมาได้เหมือนรุ่นอื่น รวมไปถึงการปรับสเปคให้ต่ำลงและตัด Motion Sensor ออกไป
Nintendo Switch Lite จึงเหมาะสำหรับเป็นรุ่นเริ่มต้นของผู้เล่นใหม่และไม่น่าจะได้เล่นเกมที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวผ่าน Joy-Con อยู่แล้ว ซึ่งก็มีเกมเป็นจำนวนมากเช่นกันที่รองรับการเล่นผ่าน Nintendo Switch Lite ที่คุณจะได้ความรู้สึกสไตล์ PlayStation Vita หรือ Wii U ของทาง Nintendo เอง
ราคาของ Nintendo Switch Lite นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 4,xxx – 6,xxx บาท (แล้วแต่ช่วงเวลาการลดราคา) ซึ่งเป็นราคาที่เอื้อมถึงค่อนข้างง่าย แต่เมื่อเทียบกันกับราคาเกม Nintendo Switch ที่มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,500 บาทต่อเกมแล้วก็อาจไม่สมเหตุสมผลเท่าที่ควรเพราะการซื้อไม่กี่เกมก็เท่าค่าเครื่องแล้ว ยังไงก็ลองพิจารณาดูแล้วกันครับ
ขนาดหน้าจอต่างกัน
อีกหนึ่งองค์ประกอบสำหรับผู้เล่นที่มักเอา Nintendo Switch ไปเล่นแบบไม่เชื่อมต่อกับ TV ก็คือเรื่องของขนาดหน้าจอที่แต่ละรุ่นนั้นเป็น ซึ่งยิ่งมีขนาดมากขนาดไหนก็จะทำให้เราได้ดึ่มด่ำกับเกมมากขึ้นเท่านั้น แต่อาจแลกมากับความเทอะทะที่ขนาดตัวเครื่องต้องขยายขึ้นไปด้วย
แต่สำหรับ Nintendo Switch และ Nintendo Switch OLED นั้น ไม่น่าเชื่อว่าทั้งสองรุ่นนี้มีขนาดตัวเครื่องที่แทบจะใกล้เคียงกันมาก (ห่างกันเพียง 0.1″) แต่ตัว Nintendo Switch OLED นั้นสามารถอัดหน้าจอให้ชิดขอบเครื่องและเพิ่มขนาดหน้าจอได้ถึง 7.0″ เลย
รุ่น | ขนาดหน้าจอ |
---|---|
Nintendo Switch OLED | 7.0″ |
Nintendo Switch | 6.2″ |
Nintendo Switch Lite | 5.5″ |
ประเภทหน้าจอต่างกัน
สำหรับรุ่นปกติและรุ่น Lite นั้นจะมาพร้อมกับหน้าจอทัชสกรีนแบบ LCD ทั่วไป แต่สำหรับรุ่น OLED แล้ว แน่นอนว่าก็ต้องใช้หน้าจอแบบประเภท OLED ที่จะให้ความคมชัดของจอ, การแสดงสี, ระดับความดำที่หน้าจอรุ่น LCD เองไม่สามารถมอบประสบการณ์นี้กับคุณได้เลย
ซึ่งถ้าคุณเองเป็นคนที่เล่นโทรศัพท์มือถือราคาเป็น 1 หมื่น – 2 หมื่นรุ่นใหม่ ๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะของ Samsung Galaxy และ Apple iPhone ก็จะรู้ว่าความดำสนิทของโทรศัพท์รุ่น OLED นั้นจะให้อารมณ์การเล่นเหมือนดูหนังในซีนมืดก็จะมืดไปเลย
ความจุภายในเครื่องต่างกัน
แต่ก่อนที่เราจะลงรายละเอียดเกี่ยวกับความจุภายในเครื่อง ก็ต้องมาบอกกันก่อนว่าเกม Nintendo Switch ส่วนใหญ่ใช้ขนาดพื้นที่จัดเก็บ 10 GB – 45 GB ต่อเกม (อ้างอิงจากกระทู้ Reddit) ซึ่งนั่นแล้วแต่ประเภทเกมและคุณภาพของเกม หากไม่รู้ว่าคุณจะต้องใช้พื้นที่จัดเก็บกี่ GB ก็ลองค้นหาเกมใน Nintendo eShop และตรวจสอบพื้นที่จัดเก็บที่จำเป็นได้เลย
ภายใน Nintendo Switch รุ่นปกติและรุ่น Lite มีพื้นที่ความจุให้ภายในเครื่อง 32 GB แต่สำหรับรุ่น OLED จะมีให้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 64GB แต่อย่างไรก็ตาม Nintendo Switch ทั้งสามรุ่นสามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บได้ด้วยการใส่ SD Card เข้าไป (ต้องซื้อเพิ่มเอง) ได้ตามความต้องการของแต่ละคน
รุ่น Nintendo Switch | พื้นที่จัดเก็บภายใน* |
---|---|
Nintendo Switch OLED | 64 GB |
Nintendo Switch | 32 GB |
Nintendo Switch Lite | 32 GB |
วิธีการเพิ่มความจุภายในเครื่อง
เพื่อน ๆ สามารถหาซื้อ Micro SD Card ฟอร์แมท SDXC หรือ SDHC เพื่อเพิ่มความจุให้กับ Nintendo Switch ได้สูงสุดถึง 2TB (อ้างอิง Kingston.com) ซึ่งรองรับทั้งสามรุ่นของ Nintendo Switch ซึ่งเราเองแนะนำให้เพื่อน ๆ เลือกซื้อ SD Card หากเพื่อน ๆ เป็นคนที่ต้องการเล่นเกมหลายเกมพร้อม ๆ กัน หรือไม่มีความต้องการในการลบเซฟเกมของตัวผู้เล่นเอง
อ่านต่อฉบับเต็ม เพื่อน ๆ สามารถอ่านต่อเกี่ยวกับการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บแบบอื่น พร้อมกับเคล็ดลับการเพิ่มพื้นที่ภายในอีกมากมายที่สตอรี: เคล็ดลับเพิ่มพื้นที่จัดเก็บ Nintendo Switch ได้อย่างไร?
แล้วแต่ละเครื่องเหมาะกับใคร?
แม้ว่าเรื่องนี้มันจะแล้วแต่คุณที่จะเลือกซื้อเครื่องคอนโซลเล่นเกมอย่าง Nintendo Switch อย่างไร แต่หลาย ๆ คนเองก็มักจะไม่ได้มาดูเรื่องของสเป็คอะไรละเอียดขนาดนั้น ในสตอรีนี้เราก็เลยขอแถมว่าแต่ละรุ่นของ Nintendo Switch นั้นเหมาะกับใครมากที่สุด
Nintendo Switch Lite เหมาะกับใคร?
Nintendo Switch Lite เองก็เหมาะเช่นกันสำหรับการประหยัดค่าเครื่องเกม โดยเฉพาะใครที่รู้อยู่แล้วว่าตัวเองจะไม่มีไลฟ์สไตล์การเล่นเกมเป็นแบบเชื่อมต่อ TV ได้เหมือน Nintendo Switch อีกทั้งสองรุ่น แต่ก็ยังได้ประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือเทียบเท่า Switch ทั้งสองรุ่น
อีกทั้งมีขนาดที่เล็กกว่า พกพาได้ง่ายกว่า มีน้ำหนักที่เบากว่า จึงยิ่งสนับสนุนการใช้งานนอกบ้านและถือเพื่อเล่นเกม เช่นการเล่นเกมระหว่างการเดินทาง การเล่นเกมระหว่างรอ และอีกมากมาย
Nintendo Switch OLED เหมาะกับใคร?
Nintendo Switch OLED นั้นเหมาะมากสำหรับผู้เล่นที่ลงทุนกับเครื่องเล่นเกมเครื่องหนึ่งที่เป็นรุ่นปรับปรุงแก้ปัญหาด้านการดีไซน์และการใช้งานของ Nintendo Switch รุ่นปกติที่บางครั้งอาจไม่คุ้นชินหรือขาดตกบกพร่องไป และรวมไปถึงการปรับหน้าจอให้เป็นแบบ OLED ที่จะทำให้คุณสามารถเล่นเกมในที่มืดกับพื้นที่แสงน้อยได้มีประสิทธิภาพ
และนอกจากนี้ Nintendo Switch OLED ได้มีการเพิ่ม Dock เชื่อมต่อทีวีที่มาพร้อมกับหัว Ethernet (LAN) ให้คุณได้ดาวน์โหลดเกมจาก Nintendo eShop หรืออัพเดทระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดได้เร็วยิ่งขึ้นจากการเชื่อมต่อด้วยความเร็วสูงสุด แถมใครที่เล่นโหมด Online บ่อย ๆ (เช่น Multiplayer) ก็จะได้รับประโยชน์จากการเชื่อมต่อแบบ Ethernet เพราะจะทำให้ค่า Ping ต่ำ
Nintendo Switch เหมาะกับใคร?
Nintendo Switch รุ่นปกติเรียกได้ว่าเหมาะกับผู้เล่นที่ใช้เล่น Switch แทนเป็นคอนโซล PlayStation และ Xbox สำหรับครอบครัวเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นรุ่นถูกที่สุดเพื่อเชื่อมต่อขึ้นหน้าจอ TV แล้ว เรื่องของการทำงานภาพก็ทำงานได้เหมือนรุ่น OLED เลย สามารถใช้เพื่อเล่นเกมคนเดียวหรือซื้อคอนโทรเลอร์ (Joy-Con) เพิ่มเพื่อเล่นเกมแบบปาร์ตี้ก็ได้เช่นกัน
แต่เพียงการใช้งานที่ใช้เพื่อพกพานั้นผมเองให้คะแนนเพียง “ใช้งานได้” เท่านั้น อยากให้เพื่อน ๆ ไปลองตัดสินใจดูว่าจะประหยัดเงินประมาณ 4000 บาทเพื่อหน้าจอแบบ LCD ที่มีขนาดเล็กกว่า จะคุ้มกับการเล่นพกพาหรือไม่?