กิจกรรมเปิดตัวสินค้าใหม่ของ Apple ในปี 2022 ก็ได้วนกลับมาอีกครั้งในชื่อ “Peek Performance” หรือ “งานนี้เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ” ที่น่าจะมาพร้อมกับสินค้าใหม่ที่ทาง Apple ได้ซุ่มพัฒนามาตลอดทั้งปีเพื่อให้ผู้ใช้งานที่กำลังสนใจอยากจะซื้อ Apple Watch Series 8, Apple Watch SE, iPad, iPad Air, Macbook Air และ Macbook Pro รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล Apple M2

โดยในสตอรีนี้เราจะมาแนะนำและสรุปข่าวลือสำหรับของใหม่ที่จะมีออกมาให้เล่นกันในวันที่ 9 มีนาคม 2565 เวลา 01:00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ทั้งหมดให้ฟังกันครับ

กิจกรรมเปิดตัวสินค้า “Peek Performance”

หลังจากที่ได้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ชิพคอมพิวเตอร์ขาดแคลนและระบบซัพพลายเชนเกิดการชะงักจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัททั่วโลก และเช่นกันที่ทาง Apple เองก็น่าจะได้รับผลกันไปเต็ม ๆ หนึ่งปีเต็ม วันนี้ทาง Apple ก็ได้ออกมาประกาศวันเวลาสำหรับงานเปิดตัวสินค้าประจำปีครั้งแรกของปี 2022 เป็นที่เรียบร้อยในชื่องานว่า “Peek Performance”

โดยตามปกติแล้ว ช่วงเวลาเดือนมีนาคม-เมษายนของทั่วโลกนั้นจะเป็นช่วงเปิดเทอมและหน้าร้อน ทำให้ก็จะมีสินค้าที่จะออกใหม่มาให้ผู้ใช้งานที่รักสุขภาพอย่าง “Apple Watch” และอุปกรณ์แล็ปท็อปอย่าง “Macbook” และ “iPad” ที่จะมีช่วงเวลาในการเปิดตัวในห้วงเวลานี้อยู่เป็นประจำ วันนี้เราก็เลยจะมาสรุปให้ฟังกันครับว่า ถ้าแต่ละสินค้าของ Apple นั้นจะมีอะไรเปิดตัวในช่วงเวลานี้จะมีอะไรบ้าง และอันไหนนั้นน่าจับตามองกันนะ?

โฆษณา

วันและเวลาในการรับชม

โดยงานเปิดตัวสินค้า “Peek Performance” นั้นจะเปิดตัวในวันที่ 9 มีนาคม 2565 เวลา 01:00 น. เป็นต้นไป (ตามเวลาประเทศไทย) และใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง ถึง 1 ชั่วโมงครึ่งโดยประมาณ

ช่องทางการรับชมงานเปิดตัว

สำหรับใครที่อยากจะไปรับชมงานถ่ายทอดสดของทาง Apple ก็สามารถเข้ารับชมได้ผ่านเว็บไซต์ https://www.apple.com/apple-events/ หรือเข้าไปรับชมผ่านทางช่องอย่างเป็นทางการของ Apple บนแพลตฟอร์ม YouTube ก็ได้เช่นกันครับ รวมไปถึงสื่อประเทศไทยหลาย ๆ สำนักก็จะมีการถ่ายทอดสดพร้อมกับการแปลเป็นภาษาไทยให้เช่นกัน

iPad Air Gen5 พร้อมรองรับ 5G

เป็นเวลานานมากแล้วสำหรับทาง Apple ที่ไม่ได้มีการให้ความสำคัญในตัว iPad Air เท่าที่ควร แต่ไปลงกับ iPad Pro เสียมากกว่า วันนี้สำหรับใครที่กำลังหา iPad ที่ทั้งเบาและบางก็น่าจะได้เวลาซื้อกันแล้ว

โฆษณา

โดยตอนนี้มีข่าวลือจากทาง 9to5Mac ที่ได้รับรายงานว่า iPad Air รุ่นใหม่ (ที่มีกำหนดประกาศเปิดตัวในช่วงเวลานี้อยู่แล้ว) ในรุ่น WiFi + Cellular จะรองรับอินเตอร์เน็ตเครือข่ายระดับ 5G แล้ว และนอกจากนั้น iPad Air Gen 5 นี้จะมีการเปลี่ยนจากการใช้ชิพซีรีส์ A (เช่น A14, A14X, A15) มาเป็นซีรีส์ M (เช่น M1, M1 Pro, M2) ให้มาอยู่ในระดับเดียวกันกับผู้ใช้งาน iPad Pro ในปัจจุบัน

แต่ส่วนตัวของผมแล้วหากว่าทางชิพซีรีส์ A ยังสามารถทำงานได้ดีและใช้พลังงานที่ต่ำกว่าเพื่อแลกมากับความบางและเบาของตัวเครื่องก็จะไม่มีปัญหาใด ๆ หากทาง Apple เลือกที่จะใช้ A14 หรือ A15 อยู่ เพราะหากว่ามีการปรับมาเป็น M1 เช่นเดียวกันก็จะทำให้ทับไลน์กับทาง iPad Pro ที่จะเหลือความพิเศษเพียง Apple Pencil Gen. 2 และหน้าจอ miniLED XDR ที่รองรับคุณภาพการแสดงผลหน้าจอระดับโปรฯ จริง ๆ

Macbook Pro และ Air พร้อมกับชิพ M2

จากความสำเร็จและผลตอบรับจากผู้ใช้งานจริงทั้งในเรื่องประสิทธิภาพที่สูงสมใจและการใช้พลังงานของชิพฯ ที่ไม่มีใครแข่งขันได้เลย นี่คือชิพฯ​ ที่ทาง Apple ได้ทำเองเป็นครั้งแรกในตลาด Macbook อย่างชิพประมวลผล “M1” ที่ได้มีการเปิดตัวไปตั้งแต่เดือนพฤษจิกายน 2020 ที่ผ่านมา (หรือก็คือปาเข้าไปประมาณปีครึ่งแล้ว)

โฆษณา

และหลังจากนั้นก็ได้มีการเปิดตัวชิพพร้อมกับส่วนประมวลผลมากขึ้นอย่าง Apple M1 Pro และ Apple M1 Max ที่ทั้งสองก็ได้เป็นตัวเลือกให้กับสินค้าตระกูล Macbook Pro ให้ได้เอาไปใช้งานกันได้อย่างเต็มที่ และน่าสนใจตรงที่มันสามารถทำงานในลักษณะงานที่ใช้พลังงานน้อยแต่ก็สามารถสู้ประสิทธิภาพของ Intel Core i9 เวอร์ชันล่าสุดได้ (หากเปรียบเทียบในระดับการใช้พลังงานที่เท่ากัน)

ในปีนี้ก็น่าจะได้เวลาของชิพเวอร์ชันใหม่ประหยัดพลังงานแต่ทรงพลังอย่าง Apple M2 ที่หลาย ๆ คนน่าจะได้พบเจอมันอีกครั้งหนึ่งใน Macbook Air และ Macbook Pro เวอร์ชันปี 2022 ที่มี Core เริ่มต้นให้ใช้งานกันเต็มที่เข้าไปแล้วถึง 8-core CPU และ 10-core GPU ที่เกินพอแล้วสำหรับผู้ใช้งานที่ใช้งานระดับเริ่มต้น ไปจนถึงผู้ใช้งานที่ตัดต่อไฟล์วิดีโอผ่าน Apple Final Cut Pro ระดับคุณภาพสูง

Apple Watch Series 8 + Apple Watch SE 2

สำหรับปีที่แล้วอย่าง Apple Watch Series 7 ที่ได้มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยในเรื่องของหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นมาเป็น 41mm และ 45mm และการรีดหน้าจอเข้าขอบลักษณะใหม่ แต่นั่นคือหมดแล้วนะ! ไม่มีองค์ประกอบอื่นเลยที่แตกต่างไปจาก Apple Watch Series 6 เลยครับ ทำให้หลาย ๆ คนที่น่าจะกำลังจับจ้องที่จะอัพเกรดจาก Series 3, Series 4 Series 5 นั้นต้องเก็บเงินรอกันต่อไป หากว่าจะมองหาของใหม่สำหรับ Apple Watch ของตนเอง

โฆษณา

โดยในปีนี้ก็น่าจะเป็นฤกษ์ที่ดีแล้วสำหรับการเปิดตัว Apple Watch Series 8 ที่น่าจะมาพร้อมกับเซ็นเซอร์การวัดด้านสุขภาพใหม่หรือพัฒนาขึ้นจากซีรีส์เดิม นั่นรวมไปถึงความเป็นไปได้ว่าจะมีเซ็นเซอร์ที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถวัดคุณภาพในการนอนได้ดีขึ้นเพราะประสิทธิภาพแบตเตอรีที่สามารถใช้งานได้มากกว่า 1 วัน รวมไปถึงการแจ้งเดือนการนอนกรนและหยุดหายใจระหว่างการนอน หรือ Sleep Apnea Detection

แม้ว่าจะมีข่าวลือกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ Series 5 ที่ทาง Apple ได้ซื้อบริษัทที่วิจัยเกี่ยวกับการวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบไม่ใช้เข็ม (Non-Invasive Blood Glucose Monitoring) แต่ทางผู้สื่อข่าวของ Bloomberg อย่าง Mark Gurman ก็ได้มีการออกมาบอกว่ามันเป็นไปได้ยากมาก ๆ ที่จะพัฒนาเทคโนโลยีนี้และเปิดให้ผู้ใช้งานทั่วโลกที่มีเซ็นเซอร์นี้อยู่บน Apple Watch ได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับน้ำตาลในเลือดสูงที่เป็นเหตุให้คนอเมริกันเสียชีวิตอันดับต้น ๆ เลย

ตัวเลือกชิพ M1 Pro และ M1 Max ใน Mac Mini และ iMac

แม้ว่า M1 นั้นจะเป็นตัวเลือกที่ก็ถือว่าเก่าแล้วเมื่อนำเอาข่าวลือว่าชิพรุ่นใหม่กว่าอย่าง M2 นั้นจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ แต่ก็ต้องบอกเอาไว้ก่อนเลยว่าประสิทธิภาพของชิพ M1 เองก็ไม่ได้เรียกว่าน่าเกลียดอะไรและเมื่อเทียบกับซีพียูประเภท Intel ที่ทาง Apple เคยเลือกใช้งานมาตั้งแต่รุ่น Macbook แรกเริ่มก็ไม่ได้ถือว่ากระจอกอะไรขนาดนั้น เผลอ ๆ ยังทำงานได้ดีกว่าเสียอีก

โฆษณา

โดยชิพประเภท Pro และ Max ที่นอกเหนือจากประสิทธิภาพในเรื่องของ CPU ที่ทำงานได้ดีกว่ารุ่นปกติแล้วประมาณหนึ่ง ก็ยังเพิ่มจำนวนตัวประมวลผล GPU และแถมมาให้สูงสุดถึง 16-core (เมื่อเทียบกับ 8-core ในรุ่น M1 ปกติใน Macbook Pro M1 2020) ที่ดูเหมือนว่าเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ทาง Apple นั้นพยายามที่จะจัดการเพราะก็เป็นหนึ่งองค์ประกอบที่ใช้งานพลังงานที่สูงเช่นเดียวกันและไม่สอดคล้องกับอนาคตที่ทาง Apple ต้องการที่จะให้ผู้ใช้งานไม่ต้องชาร์จไฟอยู่บ่อยครั้ง

ผมเลยสามารถคาดการณ์ได้ว่าเครื่องอย่าง iMac ที่ตอนนี้มีเพียงตัวเลือก M1 นั้นก็น่าจะมี M1 Pro และ M1 Max ให้ผู้ใช้งานได้เลือกเอาไปใช้งาน เพราะทั้งสองอุปกรณ์นี้ไม่สามารถทำงานได้หากไม่มีการเสียบปลั้กตลอดเวลาอยู่แล้ว ปัญหาในเรื่องของการหาไฟใช้เพื่อทำงานประเภท Heavy-weight ที่ต้องใช้พลังงานเยอะก็น่าจะได้รับประโยชน์จากการแค่ปลดล็อคการใส่ชิพที่ Apple มีอยู่แล้วใน Macbook Pro 2021

ดีไซน์ Macbook Air ใหม่หมดจด

หลังจากทาง M1 ได้มีการเปิดตัว มันก็ทำให้เครื่องโน๊ตบุ้คนั้นสามารถตัดส่วนประกอบอย่าง Heat Sink, Motherboard และแบตเตอรีที่แต่เดิมนั้นเอาไว้ใช้สำหรับการคลายความร้อนที่เกิดขึ้นจากการประมวลผลของ CPU ประเภท Intel แต่ตอนนี้ทาง Apple ก็ได้นำพวกนั้นออกจาก Macbook Air เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พึ่งพาการระบายความร้อนจากตัวโครงแผ่นหลังและฝั่งคีย์บอร์ดแทน

โฆษณา

จึงมีความเป็นไปได้ว่าพื้นที่ ที่ตอนนี้เป็นโครงโล่ง ๆ ได้เอาไปใช้งานได้เสียทีหรือก็เอาออกไปเลยเพื่อเพิ่มความบางให้กับเครื่องและทำให้ตัวเครื่องโดยรวมนั้นเบาลงได้อีก ซึ่งผมคิดว่าเราอาจจะได้เห็นความบางในระดับ Macbook ในปี 2016 ที่ตอนนี้บางเหมือนเป็น iPad ไปแล้ว พร้อมกับดีไซน์ที่เน้นความพกพาแต่ยังสามารถใช้พลังประมวลผลที่เยอะได้ในระดับหนึ่ง

ดีไซน์ใหม่นี้ น่าจะเข้าขากับผู้ใช้งาน Macbook Air ที่ปัจจุบันเป็นนักศึกษาและผู้ใช้งานระดับทั่วไปที่ใช้ทำงานประเภทไฟล์ ด้วยราคาที่เอิ้อมถึงง่ายกว่าเดิมและความเป็น Apple ที่จะไม่คลายหายไปไหนอย่างฟีเจอร์การทำงาน “Continuity”

Mac Studio ตัวระดับกลางสำหรับผู้ใช้งานระดับโปรฯ

ในเวลานี้ทาง Apple เองก็ได้มีการเปิดตัวชิพ M1 และ M1 Pro ที่แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าในระดับหนึ่ง แต่เมื่อเราได้ทำการจัดระดับของทั้งสองผลิตภัณฑ์ของ Apple เราก็จะพบว่าสุดท้ายแล้วชิพฯ ที่ดีที่สุดที่อยู่ภายในตลาดนั้นยังเป็นชิพจากสองบริษัทใหญ่อย่าง Intel และ AMD อยู่ดี ด้วยพลังงานการคำนวณที่ตอนนี้ก็ล่อไปถึง 16-core และ VRAM แตะ 16GB เข้าไปแล้ว ทำให้ชิพ M1 ที่ตั้งเป้าหมายหลักคือการประหยัดพลังงานและดึงประสิทธิภาพของพลังงานนั้นออกมาให้เยอะที่สุด

จากการรายงานข่าวของทาง 9to5Mac แล้ว ทาง Apple ได้มีการจดสินค้าในรหัส “J375” ที่บ่งบอกว่าเป็นสินค้าใหม่ โดยรายงานระบุไว้ว่าสินค้านี้เป็นประเภท Mac ที่จะอยู่ในลักษณะการทำงานเหมือนกับ Mac Mini แต่ทำงานได้เหนือกว่า Mac Mini ทั่ว ๆ ไป (ที่ใช้ M1) ด้วยการใช้ชิพระดับสูงอย่าง M1 Max ที่มีตัวประมวลผลมากที่สุดที่ทาง Apple มีในตอนนี้

โฆษณา

Mac ระดับนี้จึงเป็นตัวขั้นระหว่างความแรงระดับสูง ที่สามารถทำงานระดับโปรดักชันได้เรียกว่าเกินตัวเลยหล่ะ แต่ก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับคอมพิวเตอร์ระดับเทพ Mac Pro ที่มีระบบประมวลผลที่เป็นคอมพิวเตอร์จริง ๆ อยู่ดี แม้ว่าทาง 9to5Mac นั้นยังไม่ได้ออกมาประกาศว่าอุปกรณ์ Mac ใหม่นี้จะชื่อ Mac Studio จริง ๆ

ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าหากทาง Apple ได้มีการเปิดตัวสินค้านี้จริงในช่วง WWDC2022 หรือในงานเปิดตัวในงานเปิดตัวนี้ จะมีการล็อคกลุ่มเป้าหมายเป็นประเภทใดและคุ้มค่าหรือไม่ที่ผู้ใช้งานจะเลือกซื้อไปติด Public Cloud หรือใช้งานในสตูดิโอโปรดักชันจริง ๆ กันแน่

iPhone SE 3 สมาร์ทโฟนรุ่นเริ่มต้นก็ทรงพลัง

iPhone 13 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ได้มีการเปิดตัวในเดือนกันยายนในปีที่ผ่านมา ก็ได้ถูกวิพากษณ์วิจารณ์กันในลักษณะของการอัพเกรดเครื่องที่ดูเหมือนว่าจะไม่น่าซื้อ เมื่อเทียบกับรุ่น iPhone 12 ที่เปิดตัวในปีก่อนหน้า และในปีนี้ 2022 ก็ได้ถึงรอบเวลา 2 ปีที่ทาง Apple จะทำการออกสินค้าประเภทรุ่นเริ่มต้น อย่าง iPhone SE ที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้งานที่มีงบน้อย และในปีนี้ก็ได้เป็นครั้งที่ 3 แล้วสำหรับ iPhone SE

โดยใน iPhone SE Gen 3 นั้นมีความเป็นไปได้มากว่าจะมีการเปิดตัวในช่วงของหน้าร้อนของทุกปี ที่วันนี้ได้มาบรรจบกับงาน “Peek Performance” ที่จะจัดขึ้นเร็ว ๆ นี้ พร้อมกับการเปลี่ยนสเป็คเครื่องเล็กน้อยให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้ แต่เพียงพอต่อการใช้งานในหลาย ๆ สถานการณ์ แต่ปัญหาก็คือจะมีอะไรใหม่ใน iPhone SE 3 นี้บ้างนะ?

ทาง Ming Chu Kuo ก็ได้ออกมาคาดการณ์ iPhone SE รุ่นใหม่ที่น่าจะมีการเปิดตัวในช่วงเวลานี้เป็นในลักษณะนี้ครับ:

  1. เริ่มการผลิตในเดือนมีนาคม 2022
  2. จัดส่งสินค้าได้ 25-30 ล้านเครื่องภายในปี 2022
  3. พื้นที่จัดเก็บ 64 GB /128 GB / 256 GB
  4. ใช้ชิพ A15 (เท่า iPhone 13 รุ่นล่าสุด) พร้อมการรองรับ 5G
  5. สีตัวเครื่องให้เลือกคือสีขาว สีดำ และสีแดง
  6. หน้าตาและลักษณะตัวเครื่อง (Form Factor) เหมือน iPhone SE รุ่นก่อนหน้า
โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา

Share this post

About the author