เครื่องเล่นเกมที่ทันสมัยมากที่สุดของทาง Sony นั่นก็คือ PlayStation 5 นั่นเอง ที่มาพร้อมกับสเป็คฮาร์ดแวร์ที่ราคาเอื้อมถึงได้ในช่วงเวลาต้องกักตัวกันต่อ

PlayStation 5 ได้มีการเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2020 และด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีปัญหา แต่ก็ไม่สามารถที่จะหยุดยอดขาย PlayStation ทั่วโลกได้ ซึ่งในเวลานี้ ทางบริษัทฯ ก็สามารถขายได้มากกว่า 7 ล้านยูนิต ซึ่งมากกว่า PlayStation เจนก่อนหน้าไปแล้วอีกด้วย

ซึ่งในสตอรี่นี้ ผมก็จะมาเล่าถึงเรื่องประสบการณ์ ตั้งแต่แย่งกันจองเครื่องไปถึงความรู้สึกจากผู้เล่นเกม PC ว่า PlayStation 5 นั้นเหมาะสมที่จะมาเป็นเครื่องเล่นเกมทดแทนแล้วหรือไม่

ต้องบอกก่อนว่าปกติผมเล่น PC

ปกติแล้ว เราก็จะซื้อ PC ประกอบ และก็จะหาการ์ดจอที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อที่จะเล่นเกมที่มีคุณภาพในระดับ 4k 60 fps แต่ด้วยว่าช่วงนี้การ์ดจอนั้นยังคงหายากมาก (แม้ ณ เวลาที่เขียนสตอรี่อยู่นี้กระดานจะแดงไปถึง 56% แล้วก็ตาม) แต่เกมเมอร์ที่รอการ์ดจอราคาปกติก็ยังคงมีอีกมาก

ผมเองเลยตัดสินใจที่จะจอง PlayStation 5 เพื่อสเป็คเครื่องที่กำลังดีและสามารถเล่นเกมระดับ Triple A ได้ ซึ่งไม่เหมือนกับ PC ที่อาจจะเล่นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ และต้องเสียค่าประกอบเครื่องมากกว่านี้เพื่อที่จะเล่นเกมเดียวกัน

โดยเกมที่ผมอยากเล่นนั้นก็มีเกมที่ออกบน PC แต่เป็นเกมแบบ Couch Co-op อย่างพวก Overcooked และ Moving Out และเกมที่ Exclusive สำหรับ PlayStation อย่างพวก Ghost of Tsushima ที่รองรับ 60fps และ Gran Turismo ที่ได้เปิดตัวพร้อมกับ Ray Tracing ที่ดูน่าเล่นมากเลยทีเดียว

แกะกล่องใหม่เอี่ยม

นอกจากขนาดกล่องที่มีขนาดใหญ่แล้ว ก็ยังหนักอีกด้วย ซึ่งตัวเครื่องเล่นเกมอย่างเดียวก็ล่อไปถึง 4.78 กิโลกรัมกันแล้ว ซึ่งก็จะต้องไปรวมกับคอนโทรเลอร์อีกที่รวมในกล่อง (+ จากแพ็คอีก 1) เป็น 2 อันเลย

โดยภายในกล่องก็จะมี PlayStation 5 หนึ่งเครื่อง จอยคอนโทรเลอร์ ‘DualSense’ พร้อมกับสายไฟอันบางๆ (อแดปเตอร์ไฟติดไปกับเครื่องแล้ว) และสาย HDMI 2.1 สำหรับการเปิดใช้งาน 4k 120fps กับ TV นั่นเอง และสำหรับศูนย์ไทย ก็จะรับประกันเครื่อง (ต้องลงทะเบียนเอง) 1 ปี กับอีก 90 วัน โดยเพื่อนเพียงกรอกข้อมูล (ภายในกล่องมีขั้นตอนการลงทะเบียนด้วยตนเอง) ลงบนเว็บไซต์ของทางโซนี่

ตัวคอนโทรเลอร์ DualSense

ด้านบนมีปุ่มขึ้นลงซ้ายขวา และปุ่ม ‘○×△□’ ที่จะมีความรู้สึกนุ่มเมื่อกดลงไป ปุ่มแชร์ ปุ่มแคปเจอร์ ปุ่ม PS ที่ถูกแยกออกมาจากเจนฯ ที่แล้ว ที่ทำให้เพื่อนๆ สามารถตั้งให้มันเป็น shortcuts ได้ง่ายมากขึ้น และครั้งนี้ก็มาพร้อมกับ USB-C ที่จะทำให้เพื่อนๆ สามารถชาร์จคอนโทรเลอร์ระหว่างเล่นได้นั่นเอง

ซึ่งความรู้สึกที่ได้จับจอยคอนโทรเลอร์เป็นครั้งแรก ผมก็ได้รู้สึกถึง

  • ความอ้วนจับเข้าอุ้งมือ ซึ่งเหมือนกับคอนโทรเลอร์ Xbox แต่บางกว่า
  • แต่ความยาวนั้นมากขึ้น แต่แม้ว่าจะยาวขึ้นก็จะทำให้เพื่อนๆ ไม่ต้องบีบมือเข้าหาตัว ซึ่งแตกต่างกับคอนโทรเลอร์ของทาง Xbox
  • ตัว Trigger (L2/R2) ที่จะดูแป้นตั้งตรง ซึ่งก็จะไม่เหมือนทาง Xbox โดยเพื่อนๆ จะรู้สึกได้ว่า Trigger มันไม่ได้งุ้มลงไปเข้าหาตัว แต่จะเป็นการเรียงตั้งตรง
  • ด้านล่างของคอนโทรเลอร์มีความสาก ซึ่งความสากนั้นเป็นตัว ○×△□ ที่เรียงตัวกัน โดยจากการใช้งานแล้วก็จะทำให้เพื่อนๆ ทำความสะอาด (ด้วยการขูด) ยากขึ้น แต่แลกกับความสากที่มากกว่า Xbox นั่นเอง

และเราก็มาดูตัวเครื่องกันครับ

ตัวเครื่องมีความสูงอยู่เหมือนกัน ลมระบายจากทางด้านหน้าของเครื่องฟอกอากาศ ไปยังทางด้านหลังของเครื่อง แต่ตรงกลางของเครื่องก็จะมีความรู้สึกร้อนอยู่บ้างเมื่อมีการเล่นเกมคุณภาพระดับ 4k

และตัวเครื่องสามารถวางได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ตามภาพด้านล่างเลย แต่การวางนอนนั้นอาจจะต้องใช้แท่นวางสีดำ (แถมมาในกล่อง) เพื่อตั้งให้ตัวเครื่องนั้นนอนเรียบ

จุดที่ผมสังเกตนั่นคือ

  • สายไฟไม่มีอแดปเตอร์เลย เป็นสายไฟบางๆ เหมือนที่เอาไว้จิ้มพัดลม (หรือในที่นี้คือเครื่องกรองอากาศ) แล้วเข้าเครื่องได้เลย
  • หากวางนอน ก็จะวางนอนได้ในทิศทางโลโก้ PlayStation หันขึ้นเท่านั้น ทำให้เวลาที่เพื่อนๆ ใช้เครื่องที่รองรับแผ่น Blu-Ray จะต้องไปใส่ดิสก์ทางด้านล่างที่งุ้มเข้าไปอีก ซึ่งจะทำให้เวลาเอาแผ่นออกก็จะทำให้มันออกมาไม่ถึงกึ่งกลางของแผ่นและต้องใช้มือไปแตะที่ขอบแผ่นเพื่อดึงแผ่นออกมาจากที่อ่านแผ่น
  • หากวางในแนวตั้ง การใช้แท่นนั้นก็อาจจะจำเป็น เพราะด้านล่างยังมีลมร้อนออกมาเช่นกัน (ตามภาพที่ 3)
  • เวลากดปุ่มเปิด-ปิด จะมีเสียงปี้บ! เหมือนเครื่องกรองอากาศ

พูดไปพูดมา แต่ละคนล้อเลียนว่าตัว PlayStation 5 นั้นเหมือนเครื่องกรองอากาศ แต่จริงๆ แล้วก็ทำตัวเหมือนเครื่องกรองอากาศเหมือนกันนะเราอ่ะ 😀

จองเครื่อง PlayStation ยากไหม?

จริงๆ แล้วในต่างประเทศนั้นก็ได้มีการเปิดจองและส่งมอบของตั้งแต่เดือนพฤษจิกายน-ธันวาคมกันไปหมดแล้ว แต่ในประเทศไทยจริงๆ ล๊อตที่หนึ่งนั้นก็มาถึงประมาณเดือนกุมภาพันธ์เลยทีเดียว ทำให้ ณ ตอนนั้นคนที่อยากจะเล่นเครื่องศูนย์ไทยก็จะต้องจองล่วงหน้ากันผ่านร้านค้าที่ได้รับการรับรองโดยโซนี่ ซึ่งก็จะมีไม่กี่เจ้า และก็ไม่สามารถรับปริมาณ Traffic ปริมาณมากๆ ได้ ทำให้ราคานั้นพุ่งไปแตะถึง 35,000 บาทเลยทีเดียว แม้ว่าค่าเครื่องจะราคา 16,xxx เองก็ตาม

โดยแพ็คที่ผมซื้อมานั้น เค้าจะให้ผมซื้อคอนโทรเลอร์สองอัน ซึ่งผมเองก็มองว่าถ้าเล่นเองแล้วไม่อยากจะรอให้อีกอันชาร์จเสร็จก็จะต้องเล่นสลับกันแบบนี้แหละ

ส่วนประสบการณ์ในการจอง ผมได้เขียนเอาไว้ด้านล่างของสตอรีนี้แล้วครับ

ทำไมต้อง PlayStation 5

นอกจากจะเป็นเครื่องเล่นเกมสำหรับทั้งในห้องนั่งเล่นแล้ว ฟีเจอร์และประสิทธิภาพของตัว PlayStation นั้นก็น่าสนใจเช่นเดียวกันครับ

เกมโหลดเร็วด้วยการเปลี่ยนมาเป็น SSD เป็นครั้งแรก

จากปัญหาที่เกมนั้นจำเป็นต้องโหลดภาพและข้อมูลเป็นจำนวนมาก ก็ทำให้โซนี่ นำ SSD เข้ามาบนคอนโซล PlayStation 5 เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเพื่อนๆ ที่ตอนนี้ (หรือเมื่อก่อน) มี PlayStation เจนฯ ที่แล้วโหลดเกมเดียวกันได้เร็วขึ้นถึง 5x เลยทีเดียว

ความรู้สึกที่ได้โหลดเข้าเกมได้เร็วแบบนี้นั้นถือว่าดีมาก การเข้าเกมหนึ่งครั้งใช้เวลาไม่ถึง 30 วินาทีในการโหลดเข้าเกม ซึ่งน่าจะทำให้การดาวน์โหลดเกม (จากทั้ง Store และแผ่น) นั้นเร็วขึ้นไปด้วย เนื่องจากสามารถเขียน-อ่านไฟล์ได้เร็วขึ้นนั่นเอง

คุณภาพเกมระดับ 4k 120fps + HDR

และเครื่องสามารถรองรับคุณภาพในระดับ 8k ได้อีกด้วย ส่วนภาพระดับ HDR นั้นก็จะทำให้การเล่นเกมในที่มืดของเพื่อนๆ นั้นดูสมจริงขึ้นไปอีกหลายเท่า

แต่มีเงื่อนไขเดียวในใช้ 4K 120fps จริงๆ นั่นคือ TV จำเป็นที่จะต้องรองรับ HDMI 2.1 ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่เพิ่งออกมาได้ไม่นาน ทำให้ทีวีรุ่นเก่าๆ มักจะรองรับสูงสุดเพียง HDMI 2.0 เท่านั้น จึงไม่สามารถใช้งาน 120fps ได้นั่นเอง

รองรับการทำ Ray Tracing

ฟีเจอร์ Ray Tracing ก็คือการสะท้อนแสงและเงาจากวัตถุในเกมเพื่อให้เกิดความสมจริงของแสงและเงา ซึ่งภายใน PS5 นั้นก็มี VRAM มาให้ถึง 12GB (เมื่อเทียบกับ PS4 ที่มีเพียง 8GB) และเกมที่รองรับ Ray Tracing นั้นก็สามารถรันบนคุณภาพ 4k 60fps ได้สบายๆ

ซึ่งเมื่อเทียบกับเครื่อง PC แล้ว สเป็คนี้อาจจะดูไม่มาก แต่บอกได้เลยครับว่าค่าเครื่องนั้นเมื่อเทียบกับการมีของ Ray Tracing และ VRAM เท่านี้นั้นถือว่าถูกมากๆ

Adaptive Trigger

Adaptive Trigger เป็นการเปลี่ยนการกด Trigger (L2 / R2) เดิมๆ ให้มีความรู้สึกว่ามีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้น ด้วยการสร้างแรงต้านของตัว Trigger ให้แตกต่างกันไปกับการยิงแต่ละประเภท อย่างเช่นการยิงปืนสั้นและปืนยาวที่เราต้องกดให้แรงเพื่อยิงไม่เท่ากัน และเมื่อเรากดถึงจุดแรงต้านนั้น ก็จะถือว่าการยิงสำเร็จ

โดยเกมนั้นก็จะต้องรองรับ PS5 Adaptive Trigger แล้วเท่านั้น เพื่อที่จะใช้ฟีเจอร์ใหม่อันนี้

Haptic Feedback

Haptic Feedback หรือการตอบสนองด้วยการสั่นนั้นเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงจากเจนฯ ที่แล้วเป็นอย่างมาก จากการรายงานของ Wired ภายในตัวคอนโทรเลอร์จะใช้ Haptic Feedback แบบใหม่ที่ไม่ใช่การสั่นด้วยมอเตอร์อีกต่อไป แต่จะกลายเป็น “highly programmable voice-coil actuators ซึ่งจะทำให้การสั่นนั้นแรงหรือเบา และสั่นจุดไหนเป็นพิเศษตามความต้องการของผู้พัฒนาเกมได้อีกด้วย

โดยหลายๆ เกมของ PS4 นั้นก็จะสามารถใช้งานการสั่นแบบทั่วไปได้ แต่ Haptic Feedback นั้นก็ยังจำเป็นที่จะต้องให้นักพัฒนาเกมเข้ามาใช้งานฟีเจอร์นี้ก่อน ซึ่งเกมที่มี Haptic Feedback แล้วก็จะเป็นเกมที่ออกพร้อมกับ PS5 ซะเป็นส่วนใหญ่

และฟีเจอร์อีกมากมาย

ซึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจก็จะมีดังนี้ครับ

  • รองรับพอร์ท USB-C แล้ว ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
  • การขยายพื้นที่จัดเก็บทั้งแบบ M.2 (จะเปิดให้ใช้ในอนาคต) และ พื้นที่จัดเก็บภายนอก (External Storage)
  • รองรับหูฟังแบบ 3D (3D Audio)
  • รองรับ WiFi 6 (จะเปิดให้ใช้ในอนาคต)

ลองเล่นเกมให้ดูเลยดีกว่า

สำหรับเกมที่ผมจะเอามาให้เพื่อนๆ ดู ก็จะเป็นเกมฟรี (Free to play) ที่ได้รับการ Optimize ให้ใช้ประสิทธิภาพของ PlayStation 5 ได้เต็มที่แล้ว โดยก็จะมี

Genshin Impact

เกม MMORPG ที่จะต้องไปตีมอนสเตอร์และทำเควสท์ โดยเกมนี้ก็ได้รองรับการเล่นแบบ 4k 60fps และรวมไปถึงการสั่นของจอยที่ในเวลานี้อาจจะยังไม่แรงเท่าที่ควร แต่รวมๆ แล้วคุณภาพที่ออกมาจากตัวเกมแล้วก็สวยเลยทีเดียวครับ ภายในภาพก็มีการเรนเดอร์ทั้งรายละเอียดและแสงสีที่ดีเลยทีเดียว

ส่วนในเรื่องของความลื่นไหลในการเล่น เช่นระหว่างที่ต้องตีมอนสเตอร์ก็ลื่นไหลดีเช่นเดียวกันครับ เกมนี้เล่นได้ยาวๆ แน่นอน

Fortnite

อีกเกมที่จะได้ประโยชน์จากการเล่น 60fps ก็จะลืมไม่ได้เลยกับเกมยิงปืน ซึ่งวันนี้ผมก็ได้เลือกเอาเกม Fortnite ที่มีฟีเจอร์การทำ Ray Tracing เพื่อให้แสงและเงาดูสมจริงมากขึ้น ซึ่งจากที่ผมลองเล่นแล้ว ก็ดูเหมือนกับว่าคุณภาพของรายละเอียดอาจจะไม่เยอะมาก แต่ความลื่นที่ผมได้จากการเล่นนั้นถือว่าคุ้มค่ากับค่า PlayStation มากครับ เพื่อนๆ สามารถต่อคีย์บอร์ดและเม้าส์เพื่อเล่นเหมือนเกม PC ทั่วไปได้เลย

ภาพเวลากลางวันที่ The Orchard | ภาพประกอบจากเกม Fortnite

และ Fortnite ก็มีการเพิ่มฟีเจอร์อย่าง Adaptive Trigger ที่ตัว Trigger (L2 และ R2) นั้นจะมีแรงต้านก่อนการกดยิง แต่อาจจะยังไม่สนุกเท่าเกมที่นำฟีเจอร์นี้มาใช้อย่างเต็มที่เท่าที่ควร

เกมที่รองรับเต็มๆ ยังมีน้อย

และเกมอื่นๆ ซึ่งใน ณ​ เวลาที่เขียนอยู่นั้นก็มีเกมที่สร้างมาเพื่อ PS5 เพียงไม่กี่เกมเท่านั้น และดูเหมือนว่าจะเป็นเกมของทาง Sony เองอีกด้วย ซึ่งถ้าหากว่าเพื่อนๆ ยังไม่มีเกมที่อยากเล่น ก็อาจจะต้องเล่นเกมของ PS4 โดยเครื่อง PS5 สามารถที่จะ Upscale ขนาดหน้าจอเพื่อรองรับหน้าจอคุณภาพ 4k / 8k ได้นั่นเอง

แล้วตกลงควรซื้อไหม

ส่วนตัวที่ซื้อมานั้นก็เพื่อเอามาเล่นเกมแบบลื่นไหล แม้ว่าจะยังไม่มี TV ที่รองรับการเล่น 4k แต่ได้ความลื่นไหลและการเปิดเกมที่เร็วมากก็ทำให้อดใจไม่ไหวจริงๆ หากเพื่อนๆ นั้นต้องการเครื่องเล่นเกมแต่ไม่ต้องการซึ้อ PC และเพื่อนๆ ที่ต้องการเล่นเกมแบบ Exclusive ในปี 2021 จะออกมาอีก ซึ่งที่เปิดตัวแล้วก็มีถึง 10 เกมในราคาที่เกินเอื้อมก็สามารถหา PlayStation 5 มาเล่นกันได้ครับ โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 13,990 บาทสำหรับเวอร์ชัน Digital

โดยให้เลือกถึง 2 ประเภท นั่นคือแบบไม่มีที่อ่านดิสก์ (Digital Version) และมีทีอ่านดิสก์ (Standard Edition หรือเรียกว่า PS5 แบบไม่มีอะไรต่อท้าย) ซึ่งราคานั้นจะเหลื่อมกันอยู่ 3,000 บาท เพื่อนๆ ที่ไม่ชอบการขายไลเซนส์เกม (ขายแผ่น), ไม่ต้องการสะสมแผ่น หรือ/และ ไม่ต้องการเปลี่ยนเกมด้วยการเอาแผ่นเข้า-ออก ก็คุ้มมากๆ เลยที่จะซื้อแบบ Digital ซึ่งราคาภายในสโตร์นั้นก็จะมีการลดราคาแบบเวียนซีซั่น ซึ่งจะลดมาก-น้อยตามอายุของเกมที่ออกมาสูงสุด 80%

ส่วนพื้นที่จัดเก็บ “ที่ใช้งานได้” มีอยู่ประมาณ 650GB ซึ่งในอนาคตเพื่อนๆ สามารถซื้อ SSD แบบ M.2 มาใส่ในตัวเครื่องได้อีก โดยรายละเอียดนี้ทาง Sony จะมีการเปิดตัวต่อไป

และการซื้อจากศูนย์ไทยก็จะทำให้เพื่อนๆ นั้นไม่ต้องกังวลในเรื่องของการเคลมอีกต่อไป และถ้าต้องเปลี่ยนเครื่องหรือซ่อมหนึ่งครั้งจริงๆ ค่าซ่อมนั้นก็แตะ 20,000 บาทซึ่งเป็นราคาปกติ (ปกติจริงๆ) แต่ถ้าอยู่ในการรับประกันของศูนย์ไทยก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายซักบาทจ้า

ประสบการณ์การจอง PlayStation 5

หลังจากดูรีวิวแล้ว ก็มาเปลี่ยนอารมณ์กันนิดหนึ่ง ซึ่งก็จะเป็นประสบการณ์ส่วนตัว (รอบที่ 4 — เดือนเมษายน) ที่ต้องไปแย่งซื้อ PlayStation จากหน้าเว็บไซต์/วิธีการจอง ผ่านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งมีดังนี้ครับ

  • Sony ประเทศไทย
  • Banana IT
  • PowerBuy
  • .Life (อ่านว่า Dot Life)
  • PowerMall
  • NadZ
  • และร้านอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง

หากว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ร้านพวกนี้จะมีการเปิดจองพร้อมกัน นั่นก็คือวันศุกร์สัปดาห์ที่ 3 ของเดือน เวลา 11 โมงตรง ผ่านหน้าเว็บการซื้อ PlayStation 5 โดยเฉพาะ ยกเว้นบางร้านที่จะให้จองผ่านการฟอร์มแสดงความต้องการหรือผ่าน Line โดยรายละเอียดนั้นก็สามารถอ่านได้จากหน้าเว็บไซต์หรือเพจของร้าน ว่ามีเงื่อนไขในการซื้อและขั้นตอนในการซื้อเป็นอย่างไร

โดยผู้ใช้งานหนึ่งคนจะสามารถซื้อได้เพียงหนึ่งเครื่องเท่านั้น (อาจมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในอนาคต) ซึ่งหากว่าร้านค้าพบว่ามีการส่งของไปที่ที่อยู่เดียวกันหรือวิธีการชำระเงินเหมือนกันก็อาจถูกยกเลิกการจองได้

และสำหรับผู้ถือบัตรเครดิต ก็สามารถร่วมโปรฯ บัตรเครดิตได้ และการเก็บคะแนนเมมเบอร์นั้นก็ทำได้เช่นกัน ดังนั้นก่อนที่เพื่อนๆ จะเข้าไปจองก็ควรทำขั้นตอนดังนี้ไว้ล่วงหน้าเพื่อให้สามารถเช็คเอาวท์ (ถ้าจ่ายเงินได้ก็จะถือว่าการซื้อสำเร็จ) ได้อย่างรวดเร็ว

  1. กดสมัครสมาชิกของสโตร์
  2. กรอกชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ ข้อมูลการชำระเงิน และเลขสมาชิกของร้าน (ถ้ามี) และผูกไว้กับบัญชี
  3. หากร้านมีฟอร์มแสดงความสนใจในการซื้อ ก็ควรกรอกเอาไว้ เผื่อเพื่อนๆ อาจจะได้คิวเมื่อผู้ซื้ออื่นทำรายการไม่สำเร็จหรือถูกปฏิเสธการขาย
  4. ตรวจสอบวิธีการชำระเงิน เพื่อนๆ ควรเตรียมวิธีชำระเงินสำรองไว้หากไม่สามารถชำระเงินด้วยช่องทางเดิมได้

และเมื่อถึงเวลาในการจอง เพื่อนๆ ก็เพียง — ไปทุกร้าน — และลองกดสั่งซื้อ แม้ว่าในเวลา 11 โมงตรงนั้นจะยังไม่สามารถซื้อได้ ก็สามารถลองไปได้เรื่อยๆ จนกว่าสินค้าจะ “หมดจริงๆ” ซึ่งทุกร้านในเวลา 11 โมงตรงก็จะ “สินค้าหมดทิพย์” กันหมดด้วยการเขียนว่า

“สินค้าหมดแล้ว”

หรือ

“ไม่พบสินค้าในคลัง”

หรือ

หน้าชำระเงินหมุนติ้วๆๆๆ เหมือนว่าเว็บจะล่มไปตั้งนานแล้ว

เพื่อนๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไปและลองกด Refresh และทำขั้นตอนการซื้อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเว็บจะสามารถตัดเงินจากช่องทางชำระเงินได้

ถ้าเพื่อนๆ ได้รับการยืนยันการตัดเงิน (ผ่านแอพฯ ธนาคารหรือผ่าน SMS) เรียบร้อยแล้วก็จะถือว่าการซื้อสำเร็จ แม้ว่าทางร้านจะยังไม่ส่งใบเสร็จหรือการแจ้งเตือนการซื้อสำเร็จในการซื้อสินค้าในเวลานั้น ก็ถือว่าสำเร็จเช่นกัน

ส่วนตัวผมเอง ก็ลองจองผ่าน Sony Thai, Banana IT, Powerbuy พร้อมๆ กัน ด้วยการเปิดสามร้านนี้พร้อมกันแล้วลองรีเฟรชอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายแล้วผมสามารถจองผ่าน Powerbuy ได้หลังจากลองทำแบบนี้ไปกว่าครึ่งชั่วโมง ซึ่งตอนนั้นเกือบจะเลิกความพยายามแล้วเพราะมีการแจ้งจากในกลุ่ม Facebook ที่ร่วมทุกข์ในการจองร่วมกันได้แจ้งมาว่าหมดแล้ว

แต่ลืมไป ว่าไม่ได้ซื้อเกมมาเลยหนิหว่า :O

โฆษณา

Share this post

About the author