ในสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป เงินสดที่กำลังถูกปฏิเสธโดยร้านค้า คนแต่ละคนมีบัตรเครดิตมากกว่า 2 ใบ และสมาร์ทโฟนที่สามารถทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งจ่ายค่าข้าวแกง ทำให้เดี๋ยวนี้การจับจ่ายซื้อของผมเองก็แค่มีโทรศัพท์อย่างเดียวก็เพียงพอ ไม่ต้องมาถือกระเป๋าเงินอีกแล้ว

พร้อมทั้งการโอนเงินที่ไม่มีค่าธรรมเนียม รัฐบาลสนับสนุนในการใช้แอพฯ เพื่อรับสิทธิ์ของรัฐฯ จนทำให้ผมที่คิดว่าอนาคตการใช้เงินแบบไร้เงินสดนั้นกำลังเป็นไปได้ดีเลยทีเดียว แต่นั่นก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในเรื่องที่ผมกำลังจะเล่าให้พวกเพื่อนๆ ฟัง

โฆษณา

คำเตือน การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงในระดับสูง ผู้ลงทุนจำเป็นต้องทำการศึกษาหลักการและเข้าใจการทำงานของสินทรัพย์ดิจิทัลก่อนตัดสินใจลงทุน ผู้ลงทุนอาจเสียเงินต้นเต็มจำนวนจากการลงทุน

จากการใช้งานคริปโตฯ (จริงๆ ต้องสะกดว่า “คริปโทฯ) หรือที่ชาวบ้านส่วนใหญ่จะรู้จักกันในชื่อของ “บิทคอยน์ (Bitcoin)” ที่มีเพิ่มขี้นจนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยราคาแตะจุดสูงสุด (All-time High) 60,000 เหรียญสหรัฐฯ และมีมูลค่าตลาดถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ด้วยการสนับสนุนจากสถานการณ์ค่าเงินสหรัฐฯ ที่กำลังลดค่าเงินอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจที่กำลังฟื้นฟูทั่วโลก ก็ทำให้การปริมาณลงทุนในตลาดคริปโตฯ ดูไม่แผ่วลงบ้างเลย จึงทำให้ผม (และเพื่อนๆ เอง) ก็จะเห็นข่าวเรื่องเทคโนโลยีประเภทนี้ทั้งวัน เช้า-เย็น และอยากที่จะกระโดดเข้าไปเล่นขำๆ ซักครั้งหนึ่ง

แม้ผมจะไม่มีประสบการณ์ในการลงทุนเลยก็ตาม ความเข้าใจในหลักการณ์การทำงานของแต่ละเหรียญก็ยังมีช่องโหว่ เงินก็ไม่ได้มีอะไรเยอะแยะ ไม่เข้าใจว่าทำไมราคาถึงขึ้นหรือลง แหม่! เหมือนกับว่าเราจะเป็นเหมือนคนบ้าที่ต้องการความหวาดเสียว-วูบวาบในชีวิตเลยก็ไม่เชิง แต่ก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะลองกระโดดลงไปเล่นซักครั้งนึงเชียว

ก้าวแรกไม่เป็นไร

เริ่มกันง่ายๆ ด้วยขั้นตอนแรกของการเข้าวงการคริปโทฯ ก็คือการสมัครบัญชีผู้ใช้งาน ซึ่งสิ่งที่ผมต้องไปสมัครก็คือตลาดการเทรดเหรียญนั่นเอง

แน่นอนว่าในประเทศไทยเองก็มีหลายเจ้าให้เลือก ที่แต่ละเจ้าก็จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของฟีเจอร์ ความน่าเชื่อถือ ค่าธรรมเนียมในการเทรด ปริมาณการเทรด ฯลฯ แต่สำหรับผมที่ยังไม่รู้ว่ามันแตกต่างกันยังไงก็เลยลองสมัครไปเจ้านึงครับ

โฆษณา

ซึ่งเจ้านั้นก็คือ Zipmex ครับ เพราะมีคนแนะนำมาว่ามีค่าเทรดที่ต่ำ ก็เลยทำการเข้าไปยังเว็บไซต์ (แน่นอนว่าต้องสมัครผ่านลิงก์) และก็ได้ทำการยืนยันตัวตนเหมือนเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์ทั่วไป ที่จะมีการขอถ่ายรูปบัตรประชาชน (หน้า-หลัง) หรือพาสปอร์ต, การเซลฟีหน้าและให้หันหน้าซ้าย-ขวาเพื่อยืนยันว่าคุณมีตัวตนจริง โดยเรียกง่ายๆ กันว่าการทำ KYC (Know your Customer) ซึ่งแน่นอนว่าในขั้นตอนนี้ทุกคนจำเป็นต้องทำแม้ว่าจะขี้เกียจก็ตาม

และเมื่อผมได้ทำอะไรเสร็จสรรพแล้ว ก็ได้เห็นถึงข้อความอันน่ากลัวที่เขียนว่า…

“เรากำลังยืนยันข้อมูลและจะแจ้งผลการลงทะเบียนภายใน 48 ชั่วโมง”

ซึ่งนั่นก็กลาย ๆ ว่าผมไม่สามารถเทรดได้ในตอนนี้ และก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ซึ่งน้าที่สมัครไปก่อนหน้าผม 2 วันก็ยังไม่ได้รับอีเมล์ยืนยันเลย ก็เลยจำเป็นที่จะต้องถอดใจและไปหาเจ้าอื่นมาเล่นไปพลาง ๆ

แม้ว่าจะมีความพยายามในการหาเว็บไซต์เทรดเจ้าอื่นอย่างเช่น Bitkub ก็ดูไม่เป็นผลเท่าไหร่ และอาการจะดูหนักกว่าเพื่อนอีกเพราะปิดไม่เปิดให้ลงทะเบียนเป็นผู้ใช้ใหม่เลย

และเว็บไซต์ Satang ที่แม้ว่าจะต้องไปทำการยืนยันตัวตนในเว็บไซต์หลัก ไม่ได้ทำผ่านแอพเหมือนบริการอื่น แต่ด้วยปริมาณการเทรดที่น้อยทำให้ราคาที่อยู่ในเว็บไซต์นั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงซักเท่าไหร่ เลยทำให้ผมรู้สึกเบื่อต่อการรออยู่ประมาณหนึ่ง

สรุปแล้ว จากการที่เข้าไปดูเจ้าหลัก ๆ ทั้งสามเจ้าแล้วก็ยังไม่พอใจ ทั้งปริมาณการซื้อขายที่ดูเหมือนจะซบเซา (แต่ในตลาดต่างประเทศคือดุเดือดเลือดพล่านเลยนะ) และการรอลงทะเบียน เลยทำให้ผมจำเป็นที่จะต้องไปหาบ้านใหม่ (แต่ก่อนก็ไม่ว่าจะมีนะ) ซะแล้ว

อ่ะ…ได้เข้าไปซาบซ่าดูซักที

แม้ขั้นตอนแรกเค้าจะไม่ต้อนรับเราแล้ว ก็ไม่อาจหยุดให้ผมได้ลองสมัครดูอีกเว็บหนึ่งที่คนเทรดจะรู้จักกัน นั่นก็คือ Binance นั่นเอง โดยเว็บไซต์นี้มีฟีเจอร์มากมาย ปริมาณในการเทรดที่สูงลิบลิ่วและค่าธรรมเนียมที่ดูจะดีต่อใจประมาณหนึ่งเลย

เมื่อผมทำการสมัครแล้วและก็ใช้เวลาไปอีกครู่หนึ่งซึ่งเป็นการเพิ่มมาตรการความปลอดภัยบัญชีอย่างการยืนยันสองขั้นตอน (2–Factor Authentication) พร้อมทั้งการแจ้งเตือนผ่าน SMS (SMS Authentication) ซึ่งก็จะรวมไปถึงการยืนยันเบอร์ติดต่อ และการยืนยันตัวตนอีเมล์ (E-mail Authentication)

โฆษณา

สุดท้าย ก็ได้เวลาทดสอบโจทย์ปราบเซียน ด้วยการทำ KYC (ขั้นตอนเหมือนใน Zipmex) แต่ในคราวนี้มีการอนุมัติได้อย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น และนั่นก็เป็นเวลาที่เหมาะเหม็งสำหรับการเล่น Binance

หน้าแรกของเว็บไซต์ Binance

คำเตือนก่อนสมัคร: เว็บไซต์ Binance เป็นเว็บไซต์ต่างประเทศและปัจจุบัน (ณ เวลาที่เขียนสตอรีนี้) เว็บไซต์และบริษัทฯ ยังไม่ได้รับการอนุมัติให้เป็นเว็บไซต์การเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลจากคณะกรรมการ กลต. ที่ได้รับหน้าที่ในการควบคุม พรก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

หลังจากนั้นก็เริ่มเข้าไปลองดูว่าเว็บนี้มันสามารถทำอะไรได้บ้าง ก็ได้พบเจอกับคำศัพท์และฟีเจอร์ที่มีมากกว่าแค่คำว่าเทรด แม้ว่าจะเป็นประเภทของการลงทุนก็ตามก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี โดยประเภทก็จะมีดังนี้ครับ

  • Spot (น่าจะแปลว่าเทรด)
  • Futures (ก็เป็นไปได้ว่าจะแปลว่าเทรดราคาอนาคต)
  • Margin (ต่างกับ Futures ยังไงนะ เทรดเหมือนกันป่ะ)
  • Earn (อันนี้เหมือนฝากเงิน)
  • Pool (อันนี้ใช่ฝากเงินป่ะ)
  • Liquid Swap (ลิควิดที่เอาไว้แก้คำผิดอ่ะนะ)
  • P2P (น่าจะเทรดแบบใช้เงินสด)
โฆษณา

ซึ่งหากว่าเพื่อน ๆ มีประสบการณ์ในการเล่นหุ้นอยู่แล้วก็อาจจะพอเข้าใจว่าฟีเจอร์ไหนเอาไว้ทำอะไร แต่สำหรับตัวผมแล้ว ทุกอย่างคือ “มันแปลว่าอะไรวะ” ไม่ก็ “แต่ละอันมันเอาไปทำอะไรวะ” และเมื่อเข้าไปดูในแต่ละฟีเจอร์ก็จะเจอคำศัพท์ทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องขึ้นมาอีกทีละคำสองคำ อ่านไปอีกนิดก็จะรู้ว่าคำพวกนั้นดูเหมือนจะเป็นคำที่เราต้องเข้าใจเพื่อที่จะใช้ด้วยสิ

ผมหายใจเข้าและออกซักพัก แล้วคิดถึงความจำเป็นที่จะต้องเข้าใจ ก็เลยมองกลับไปยังจุดเริ่มต้นในเข้าสู่สิ่งแวดล้อมการเทรดก็คือ “จะทำอย่างไรให้เอาเงิน (เช่นเงินบาทไทย หรือ ดอลลาร์สหรัฐฯ) เข้าไปใน Binance จะได้เอาไปซื้อเหรียญซักที” ซึ่งหลังจากการค้นหาด้วยกูเกิลแล้ว ก็ได้รู้ว่ามันเรียกว่าการ Fiat Trading ครับ

หน้าต่างการทำ Fiat Trading บน Binance

เข้าใจองค์ประกอบหลัก ๆ เลยก็คือ ยอมจ่ายเท่าไหร่ — จะได้รับเงินเท่าไหร่ — จ่ายด้วยวิธีไหน และครั้งนี้เป็นครั้งแรกก็เลยตัดสินใจที่จะทำดังต่อไปนี้ครับ

  1. ยอมจ่ายเท่าไหร่ : ขั้นต่ำเค้าให้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้นแหละ ซึ่งในที่นี้ก็คือ $15 (แล้วแต่สกุลเงิน สำหรับไทยบาทก็ต้องเป็น 500 บาท)
  2. อยากจะซื้อเหรียญอะไร-จะได้เท่าไหร่ : ก็อยากซื้อ Bitcoin ไป ได้จำนวนเท่าไหร่ไม่รู้ ค่อยไปทำความเข้าใจมันอีกที
  3. จ่ายด้วยวิธีไหน : เลือกที่จะใช้บัตร Visa ในการซึ้อไปครับเพราะอยากได้ตอนนี้เลยและไม่กล้าเสี่ยงกับการซื้อประเภทอื่น

ซึ่งเราก็กรอกตามนั้นไป และมันก็เริ่มจะ …

ก้าวต่อไปไฟเริ่มไหม้สบง

กดไปแล้วก็จะได้ข้อมูลว่าจะได้กี่ Bitcoin ด้วยราคาเท่าไหร่ พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมที่เพิ่งจะเห็น… มันคือค่าธรรมเนียม 2% เลยทีเดียวครับ ซึ่งตอนนี้ผมเองก็เพิ่งมารู้ว่าใช้ Mastercard จ่ายก็จะไม่โดนค่าธรรมเนียม 2% ครับ

หน้าต่างยืนยันการซื้อ Bitcoin ด้วยเงินสดบน Binance

การที่ได้มา 0.000251 แม้ว่ามันดูน้อยมาก น้อยกว่าเศษสตางค์เสียอีก แต่ใจจริงแล้วมันก็แพงเหมือนกันนะเราอ่ะ ถ้าเราไปเทรดใน Zipmex, Bitkub, Satang เราก็คงได้เยอะกว่านี้แล้ว (เนื่องจากเรทในการแลกที่เป็นไปตามตลาด) แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะจุดที่ยากที่สุดของเราก็คือ เราจะเทรดให้ได้กำไรยังไงเนี่ย!!

พอเรากด Confirm เพื่อยืนยันการชำระเงินแล้วและการดำเนินการซื้อนั้นสำเร็จ เราก็จะได้ Bitcoin มาไว้ในกระเป๋าเงินอุ่นใจไป ให้เวลาพักหัวใจ (แม้ว่าจะตายไปแล้วก็ตาม) ซักครู่หนึ่ง ในจุด ๆ นี้ ถ้าถามว่าเข้าใจอะไรบ้างไหม ก็บอกได้คำเดียวเลยว่าไม่ แต่ก็พยายามเข้าใจมันอยู่นะครับ อาจจะอยู่ในขั้นตอนการเรียนรู้ก็ได้…

โฆษณา

ราคาขึ้นลงอย่างกับรถไฟเหาะ

ได้เวลาไปเทรดกันจริง ๆ จัง ๆ แล้ว ซึ่งในตอนที่ผมได้ทำการเข้าเทรด ตอนนั้น Bitcoin มีราคาประมาณ $50,000 (แต่ราคาซื้อจริงในขั้นตอนข้างต้นคือเกือบ $52,000) และตอนนั้นราคาก็เพิ่งไปแตะ All-time High มาหมาด ๆ อีกเสียด้วย

แต่โชคดีที่ตลาดยังให้ราคามันสูงขึ้นอยู่เรื่อย ๆ และดูเหมือนว่าจะไม่หยุดซะด้วยสิ ก็เลยปล่อยให้ราคานั้นขึ้นไปเองโดยธรรมชาติแล้วก็คิดว่าจะขอหยุดเล่นตอนราคาเท่ากับ $57,000 ครับ ซึ่งนั่นก็ใช้เวลาในการไปแตะจุดนั้นถึง 4 วัน

โฆษณา

หากคนที่รู้การเทรดอย่างแท้จริง ก็จะรู้ว่าการที่ราคานั้นไปแตะ All-time High และกำลังสูงขึ้น มันคือจุดที่เค้าเรียกกันว่า “พื้นที่ที่ไม่เคยมีคนแตะมาก่อน” นั่นหมายความว่าราคามันจะหยุดนิ่งและลงเหวเมื่อไหร่ก็ได้ และเมื่อลงแล้วจะขึ้นไปใหม่ก็ดูจะยากเสียด้วย

หน้าต่างการเสนอราคา (ซื้อ-ขาย) BTC/USDT บน Binance

ถามว่าเงินที่ลงไป $15 (ซึ่งโดนค่าธรรมเนียมไปอีกก็เลยเหลือ $14.5) นั้นได้กลับมาเท่าไหร่ ก็บอกเลยว่าได้กลับมา $16.3 ครับ ซึ่งก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวสำหรับการเล่นครั้งแรกด้วยกำไร 9% (จริงๆ ต้องเป็น 14% ถ้าไม่มีค่าธรรมเนียมอะไรเลย)

แต่พักก่อน…

Stop It Neil Patrick Harris GIF - Find & Share on GIPHY

หนึ่งในความน่ากลัวของ Bitcoin ก็คือการคาดเดาเอาเองของแต่ละคนว่าจะมองเหรียญนี้ว่ามีมูลค่าเท่าไหร่ ซึ่งระหว่างที่ราคากำลังขึ้นและตัดสินใจขายว่าจะขายเท่าไหร่ ผมก็ไปทำความเข้าใจกับมันในเรื่องของวิธีการได้มาของเหรียญ การขุดคืออะไร การทำธุรกรรมนั้นทำอย่างไร อนาคตถูกบดบังด้วยอะไร

ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้ทำการบ้านมาเหมือนคนที่เทรดกันเป็นจริงเป็นจังและก็ไม่ได้เทรดในปริมาณอะไรเยอะแยะเลย แต่ก็ถือว่าได้ทั้งกำไร ได้ทั้งความรู้ในการต่อยอดด้านการเงินไร้ศูนย์กลาง (หรือ DeFi) ไปไม่ใช่น้อย

ข้อสรุปที่ได้

การเล่นเทรดครั้งแรกของผม แม้ว่ามันจะดูเหมือนกับได้มาพร้อมกับโชคและการเข้ามาในเวลาที่เหมาะสม (ซึ่งก็ได้ความช่วยเหลือจากความสนใจของ Elon Musk ที่มีท่าทีสนใจในการเล่นผ่านการทวีตบนทวิตเตอร์ของเขา) แต่ส่วนตัวแล้วผมได้และเห็นอะไรมากกว่าการเล่นขำๆ ครั้งนี้ครับ

โฆษณา
  1. ค่าธรรมเนียมที่สูงลิ่ว
    ทุกเว็บไซต์มีการคิดค่าธรรมเนียมในการโอนไปยังอีกบัญชีหนึ่งแพงมาก จาก 9 บาท (Binance ไปหากันเอง) ไปจนถึง 850 บาท (การโอน BTC ผ่านเน็ดเวิร์ก Bitcoin หลัก) เลยทีเดียว ซึ่งมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผมที่มีนิสัยขี้งกจะไปทนค่าธรรมเนียมสูงแบบนี้ได้อย่างไร และนอกจากค่าธรรมเนียมในการโอนแล้ว ก็ต้องอย่าลืมว่าการเอาเงินเข้า-ออก การเทรด การใช้บริการต่างๆ เพื่อได้มาของรายได้นั้นก็แล้วทั้งคิดค่าธรรมเนียมที่แอบโหดอยู่เสมอ ซึ่งพอมันเป็น Decentralized เราก็จะต้องรับความจริงที่ว่าแต่ละคนจะคิดค่าธรรมเนียมไม่เท่ากัน
  2. ถ้าไม่เข้าใจก็อย่าลองให้มาก
    วิธีการทำงานของแต่ละเหรียญนั้นก็ทำงานแตกต่างกัน ถ้าใครยังไม่พร้อมที่จะศูนย์เสียเงินก็อย่าเล่นให้มากเลย หรือถ้าเสียไปแล้วก็ให้คิดว่าเหมือนไปกินอาหารในห้างหนึ่งมื้อก็แล้วกันครับ
  3. เงินฉุกเฉินต้องมีแยกกันก่อนมาเล่น
    เงินฉุกเฉินนั้นหมายถึงเงินฝากธนาคารที่พร้อมเอามาใช้อยู่เสมอหากคุณเป็นอะไรไปหรือต้องใช้เงินก้อนเร่งด่วน ถ้าคุณกำลังจะเอาเงินพวกนี้มาเล่นทำกำไร ผมว่าหยุดเถอะ ความเสี่ยงมันสูงจนคุณอาจเสียเงินไปทั้งหมดก็ได้
  4. ถ้าไม่เก่ง อย่าเพิ่งแหวกแนว
    คำว่า “แหวกแนว” นี้หมายถึงเหรียญที่เพิ่งออกใหม่เกินไป คุณจะเดาแนวทางของมันไม่ออก เหมือนกับการซื้อหุ้นหรือลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพที่คุณได้แต่หวังว่ามันจะทำกำไรและให้ผลตอบแทน 10 เท่ากับคุณในอนาคต

ส่วนผู้เล่นใหม่ ผมว่าให้คุณลองเล่นตามลำดับดังนี้เพื่อให้ไม่ไปโป๊ะนั่นเอง

  • เริ่มจากการเล่น Spot (หรือตลาด Instant) ก่อน
  • หากเล่นและเข้าใจตลาดแล้ว อาจเข้าไปเล่น Futures และ Margin (หรือตลาด Derivatives)
  • ยกเว้นแต่ว่าไม่มีเวลาเล่นหรือติดตามตลาด ก็ให้เล่น Earn หรือหาวิธีการได้มาถึง Passive Income

แยกย้าย…ไปนอน

เรียบร้อยแล้วสำหรับการรีวิวประสบการณ์ในการเทรดเป็นครั้งแรกของผม ถามว่าที่ผมเขียนมานั้นมันคือทุกอย่างของคริปโทเคอร์เรนซีแล้วหรือเปล่า ผมก็ตอบได้อย่างมั่นใจเลยว่า “ไม่” และสิ่งที่ผมได้เขียนครั้งนี้มันก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง

มุมมองส่วนตัวกับเทคโนโลยีประเภทนี้ ส่วนตัวผมแล้วมันคืออนาคต เราไม่จำเป็นต้องมีธนาคารอีกต่อไป แต่ละคนสามารถเป็นธนาคารกันได้ ค่าธรรมเนียมการโอนต่างประเทศที่จะเหลือแค่เศษสตางค์ ซึ่งหากว่าประเทศไทยมีการใช้งาน Cryptocurrency อย่างเช่นไทยบาทดิจิทัลก็คงจะทำให้เราไม่เป็นทาสทางเทคโนโลยีอีกต่อไปก็เป็นได้

โฆษณา

Share this post

About the author