เข้าสู่ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ทั้งการสร้างโครงสร้างสำหรับการเปิดตัว Web3 และการเปลี่ยนแปลงระบบเน็ตเวิร์คแบบรวมศูนย์อีกครั้งหนึ่ง ในวันนี้เราจะมาพูดถึงโปรเจ็กต์คริปโทฯ ที่มาแรงจากประเทศไทยกันว่ามันจะเปลี่ยนแปลงอะไรในประเทศได้บ้าง หรือจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในหัวเมืองหลักในการทำธุรกรรมการเงินได้หรือไม่?

การเปลี่ยนแปลงของระบบการเงินและแลกเปลี่ยน

เข้าสู่ปี 2019 ซีซัน 3 กันแล้วกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนโลกไปทั้งหมดอย่าง COVID-19 ที่ทำให้มีการสร้างระบบการทำงานรูปแบบใหม่อย่าง Hybrid Workspace / Hybrid Working และการปรับเปลี่ยนวิธีการซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยน ได้รับ ส่งต่อ ในทุกแพลตฟอร์ม (Platform) และช่องทาง (Channel) ที่วันนี้ได้กลายเป็นเรื่องจำเป็นเรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือตลาด Decentralized ที่ผู้ใช้งานจะใช้อะไรก็ได้ในการแลกเปลี่ยน

เช่นกันที่ในปีที่ 3 ของการแข่งขันในด้านตลาดคริปโทฯ ในประเทศไทยนั้นถือว่ามีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงมาก ๆ ถึงระดับขั้นที่มีการจับมือกับบริษัทเทรดคริปโทอันดับต้น ๆ อย่าง Binance โดยบริษัทด้านพลังงานอย่าง Gulf [อ้างอิง] ที่จะสร้างแรงกดดันให้บริษัท Exchange ในประเทศอย่างแน่นอนด้วยการให้บริการ และการซื้อบริษัท BitKub โดยบริษัทธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง SCBX [อ้างอิง] ที่ได้มีการตั้งราคาเอาไว้ที่ 17.85 พันล้าน ที่การซื้อในครั้งนี้น่าจะกระตุ้นการพัฒนาแพลตฟอร์มในรูปแบบ Decentralized Finace และโอกาสเติบโตในระดับโลกได้ง่ายมากขึ้น และไม่จำเป็นที่จะต้องใช้สกุลเงินเพื่อเป็นตัวกลางอีกต่อไป

โฆษณา

ในสตอรีนี้เราเลยเลือก 3 โปรเจ็กต์เหรียญคริปโทฯ สัญชาติไทยที่มาแรงมากที่สุดในปี 2022 ที่อาจสั่นวงการคริปโทฯ ในประเทศไทย หรือขั้นระดับ ASEAN ได้อย่างมั่งคั่งและมั่นคง เพื่อให้เพื่อน ๆ สามารถติดตามและเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงได้ จากการลงทุนในเหรียญเหล่านี้

โปรเจ็กต์ที่มาแรงแห่งปี 2022

BitKub Coin (KUB)

BitKub Coin (KUB) เป็นเหรียญที่เกิดขึ้นจากโปรเจ็กต์การเติบโตของทางบริษัท BitKub (ที่ตอนนี้เป็นบริษัทลูกของ SCBX แล้วในปี 2021) ที่ ณ เวลาของ SCB ได้ซื้อไปนั้นมีมูลค่าทางตลาดถึง 35 พันล้านบาทไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งโปรเจ็กต์ที่ว่านั้นก็คือ BitKub Chain หรือก็คือ Chain ที่จะทำให้ผู้พัฒนาเหรียญหรือแพลตฟอร์ม Decentralized นั้นสามารถเข้าร่วมได้ และใช้ตัวกลางในการจ่ายค่าธรรมเนียมและ Stake เป็นเหรียญ KUB

ในปี 2021 ก็ได้มีการเปิดตัวเหรียญอย่างเป็นทางการในราคา 30 บาท แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เนื่องจากตั้งราคาที่สูงเกินไปเลยมีการเผาเหรียญออกเป็นจำนวนมาก [อ้างอิง] และในวันที่ทาง SCBX ได้ทำการซื้อบริษัท (51%) ไปก็ได้ทำให้เหรียญดังกล่าวมีราคาพุ่งไปแตะ All-time High (ATH) ถึง 500 บาทเป็นที่เรียบร้อย

โฆษณา

ปัจจุบันภายใน BitKub Chain นั้นมีการจับมือกับทั้งคอนเท้นท์ครีเอเตอร์ (Content Creator) ชื่อดังใน YouTube อย่าง บี้ เดอะสกา ที่ปัจจุบันมีจำนวนผู้ติดตาม (Subscriber) แตะหลักสิบล้านแล้ว [อ้างอิง] ให้ออก NFT ที่สร้างเพื่อตอบแทนผู้ติดตามบนช่องทางออนไลน์ และการจับมือกับ Miss Universe (ประเทศไทย) [อ้างอิง] ให้มีการสร้าง NFT แบบลิมิเต็ดอิดิชันสำหรับการแข่งขันในปี 2021 และนอกจากนี้มีการเปิดให้บริษัทอย่าง RS ได้มีการใช้งาน BitKub Chain และร่วมมือกับบริษัทให้มีการซื้อขายเหรียญ Fan Token (FANS) [อ้างอิง] จากโปรเจ็กต์การร่วมมือกับคอนเท้นท์ครีเอเตอร์ และการซื้อขายเหรียญ Popcoin (POP) ผ่าน Exchange ของ BitKub

ในอนาคตก็มีความเป็นไปได้ว่าบริษัทในประเทศไทยที่สนใจที่จะลงทุนในเรื่องโปรเจ็กต์ Decentralized ทั้งระบบ Customer Royalty ที่ต้องการเชื่อมกับของรางวัลกับบริษัทอื่น หรือการแลกเปลี่ยนความรู้และบริการที่ไม่จำเป็นต้องมีแพลตฟอร์มเป็นของตนเองก็น่าจะเข้ามาร่วมใช้งาน BitKub Chain หรือจะมีการสร้าง Bridge มาหา BitKub Chain เพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าถึงการ Asset Liquidity หรือการส่งต่อหรือแลกเปลี่ยนของรางวัลภายใน Exchange อย่าง BitKub ก็เป็นได้

โฆษณา

และนอกจากนี้ทาง BitKub ก็มีบริษัทอย่าง SCBX ที่เป็นบริษัทหนึ่งของธนาคารไทยพาณิชย์อยู่แล้ว จึงอาจมีความเป็นไปได้ว่า BitKub จะครองตลาดการทำธุรกรรมในประเทศไทยได้อย่างดีเยี่ยม เพราะ SCB เองก็มีบริษัทในเครือและพันธมิตรเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากใครอยากที่จะลงทุนในธุรกิจที่จะกระโดดเข้ามาสู่ตลาดคริปโทฯ / Decentralized ก็น่าจะไม่ควรพลาดใน BitKub Chain เลยหล่ะครับ

หากใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปซื้อเหรียญ KUB ได้แล้วใน Exchange ของ BitKub ได้เลย

Popcoin (POP)

Popcoin เหรียญดิจิทัลจากทาง RS ที่ได้สร้างขึ้นเพื่อสร้างเน็ตเวิร์คของศิลปินและแฟนคลับเข้าด้วยกัน และเป็น “Popcoin Ecosystem” ในที่สุด และเข้าถึงง่ายทั้งผ่านในแอพลิเคชันและแพลตฟอร์ม Popcoin เป็นเหรียญที่ทำงานอยู่บน BitKub Chain และมีเป้าหมายที่จะสร้าง Popcoin Ecosystem ให้กับผู้เสพคอนเท้นต์และผู้ผลิตคอนเท้นท์เข้าด้วยกัน

ปัจจุบัน ทาง RS นั้นมีแผนในการนำเหรียญ Popcoin นั้นขึ้นไปยัง Exchange อย่าง BitKub เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อ-ขาย และแลกเปลี่ยนสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ Popcoin ได้อย่างง่ายดาย ที่อาจจะเริ่มเปิดซื้อขายในช่วงต้นปี 2565 [อ้างอิง] และน่าจะมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในปีนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นใครที่สนใจที่จะแลกเปลี่ยนก็อาจจะต้องรอติดตามกันต่อแล้วหล่ะครับ

โฆษณา

ส่วนตัวแล้วผมเองก็คิดว่า Popcoin นั้นจะต้องมีการออก NFT และบริการที่แต่ก่อนนั้น RS ไม่สามารถทำได้อย่างเช่นการทำ Fan Meeting และการสร้างเครือข่ายแฟนคลับที่จะเป็นการส่งเสริมศิลปินและมอบโอกาสของศิลปินเองที่จะได้ใกล้ชิดกับแฟนคลับมากขึ้น ภายใต้แอพฯ ของทาง RS แต่ก็ยังสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายอื่นและลื่นไหลมากกว่าด้วย BitKub Chain ที่เหรียญ (และอาจจะถึงระดับแพลตฟอร์ม) ที่ทำงานบน Chain

JFIN Coin (JFIN)

ตัวเลือกทางการเงินที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการด้านการเงิน และรวมไปถึงการให้สินเชื่อ Micro-Loan นั้นเกิดขึ้นมาแล้วกับบริษัท JFinTech ที่เป็นบริษัทภายใต้กลุ่มบริษัท JMart (เจมาร์ท) และในครั้งนี้ก็มาในรูปแบบของการทำธุรกรรมผ่านระบบ Decentralized Platform ที่เรารู้จักกันในคอนเซ็ปต์ DeFi และใช้สกุลเงินการแลกเปลี่ยนอย่าง JFIN ที่สามารถทำหน้าที่เป็นสกุลเงินในการจ่ายค่าธรรมเนียม (เทียบเท่ากับ Gas) และการแบ่งผลประโยชน์ในด้านการ Stake

โฆษณา

ในขั้นต้นใน Chain ของ JFIN จะมีจำนวนเงินตั้งต้นไว้ทั้งหมด 300 ล้านโทเคน (เหรียญ JFIN) และมีการจัดสรรให้ใช้งานแล้ว 1 ใน 3 ของจำนวนทั้งหมดในรอบการระดมทุน (ICO) ครั้งแรก

และในช่วงปีที่ผ่านมา ทาง JFin ก็ได้มีการจัดโปรโมชันกับบริษัทในเครือของ JMart อย่างเช่นการลดราคาสินค้าด้วยการใช้ JFIN หรือการแจก JFin ให้กับลูกค้าเมื่อซื้อสินค้าภายในร้าน JMart พร้อมมีการการเปิดตัวเซ็ทงานศิลปะที่ผู้ใช้งานสามารถซื้อได้ผ่านแพลตฟอร์ม NFT มากมาย

แพลตฟอร์ม JFin | ภาพจาก https://www.jfincoin.io/

ส่วนตัวแล้ว ผมมองว่าความแตกต่างของ JFIN และตัวเหรียญที่เป็นลักษณะ DeFi นั้นไม่แตกต่างกันมาก ทั้งมีการใช้มาตรฐาน ERC-20, บริการด้านการกู้ยืมหลากหลายแบบ, การติดตามหนี้, การจัดการเครดิตของผู้กู้ แต่ความแตกต่างนั่นคือการใช้งานเงินไทยบาทเป็นสกุลเงินหลักในเบื้องหน้า และค่าธรรมเนียมที่อาจคุ้มค่ากว่าการทำธุรกรรมทางการเงินในแพลตฟอร์ม เมื่อเทียบกับระบบธนาคารในปัจจุบัน

โฆษณา

JFIN ก็ถือว่าเป็นบริการ DeFi ที่เป็นของคนไทยอันแรกเลยก็ว่าได้ แต่ก็ต้องมองกันยาว ๆ หล่ะครับว่าต่อไปนั้นจะมีผู้ที่สนใจในการใช้งานบริการมากแค่ไหน จะสร้างความน่าเชื่อถือในแบรนด์ได้หรือไม่ แล้วจะสามารถคืนทุนให้กับผู้ลงทุนได้หรือไม่

หากใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปซื้อเหรียญ JFIN ได้แล้วใน Exchange ของ BitKub ได้เลย


ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา

Share this post

About the author